เสียงของมู่หวั่นชีค่อนข้างแหบ พูดด้วยความชิงชังอย่างถึงที่สุด “มู่น่อนน่อน เอาฉันเข้าคุกได้คงจะภูมิใจมากเลยสิ แต่เธอคงคิดไม่ถึงสินะว่าฉันจะออกมาเร็วขนาดนี้”
สองสามคำสุดท้ายเธอพูดกัดฟัน หวังว่าจะสามารถตะกายข้ามโทรศัพท์ไปกัดมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเพียงพูดออกมาบางเบา “ผู้ทำเวรกรรม ไม่ควรมีชีวิตอยู่”
เมื่อมู่หวั่นชีได้ยินก็อดจะหัวเราะเยาะดูถูกไม่ได้ “เราก็มาลองดูกัน”
อารมณ์ที่ดีของมู่น่อนน่อนถูกทำลายลงด้วยสายจากมู่หวั่นชี เธอไม่อยากได้ยินมู่หวั่นชีพูดเรื่องไร้สาระเหมือนปีศาจอีก จึงวางสายไปเลย
เธอหันหน้าไป พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังมองเธออยู่
ดวงตามืดมน มีประกายความรู้สึกที่เธอไม่เข้าใจ
มาคิดดู เมื่อครู่เขาคงจะได้ยินสายของมู่น่อนน่อน จึงรู้ว่าเป็นสายจากมู่หวั่นชีโทรเข้ามา
มู่หวั่นชีคนนี้น่าสนใจจริงๆ ทันทีที่ออกจากคุกก็โทรมายั่วโมโหเธอทันที
แต่เธอรู้นานแล้วว่าซือเฉิงหยู้คิดหาวิธีเอามู่หวั่นชีออกมา เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เท่านั้น
ซือเฉิงหยู้อาจได้รับแรงหนุนจากเรื่องอื้อฉาวล่าสุด มีความไม่พอใจในตัวเฉินถิงเซียว ถึงได้เอามู่หวั่นชีออกมารวดเร็วเช่นนี้
มู่น่อนน่อนส่งเสียงพูดออกมาว่า “ที่เธอถูกปล่อยตัวออกมา เรื่องนี้มันจะต้องเกิดอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว”
“อืม” เฉินถิงเซียวหันเหสายตาไปมองทางอื่น ลดสายตาลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังความรู้สึกในแววตา
ตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดี ชอบแสดงอารมณ์ออกมา
มู่น่อนน่อนเคลื่อนตัวไปข้างๆ เขา เอียงศีรษะและพูดเสียงแผ่ว “เรากลับไปบ้านเก่ากันก่อนนะ อย่าอารมณ์เสียเพราะคนที่ไม่จำเป็น พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า นี่เป็นปีแรกที่เราอยู่ด้วยกัน มีความสุขหน่อย นะคะ”
คำพูดของเธอดูเหมือนจะใช้การได้ เฉินถิงเซียวหันไปมองเธอ
หลังจากมู่น่อนน่อนตั้งครรภ์ก็ไม่แต่งหน้า เธอดูเด็กแต่ก็ไม่ได้ดูไม่มีรสนิยม เป็นหน้าตาธรรมดาที่ยังสวยมาก
ผิวขาวใส ดวงตาสดใส เจือความเยาว์วัย แต่กลับยิ่งสั่นคลอนหัวใจผู้คน
เฉินถิงเซียวใจสั่น ก้มหน้าลงไปจูบเธออย่างทนไม่ไหว
มู่น่อนน่อนตาไวแนบมือดันหน้าผากเฉินถิงเซียว “เสี่ยวฉินอยู่”
เฉินถิงเซียวหันหน้าไป มองไปยังเฉินเจียฉินที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับโทรศัพท์มือถือซึ่งไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และดวงตาฉายแววรังเกียจ
เฉินเจียฉินดูเหมือนจะรู้สึกตัวจึงเงยหน้าขึ้น และปะทะเข้ากับสายตาไม่ชอบใจของเฉินถิงเซียวพอดี
เฉินเจียฉินทำสีหน้าอธิบายไม่ถูกทันที เขาแค่นั่งเล่นอยู่ที่นี่เท่านั้น แล้วทำไมญาติผู้พี่ต้องทำท่าไม่ชอบใจด้วย
“เราไปกันเถอะ” เฉินถิงเซียวเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะมู่น่อนน่อน และลุกขึ้นพาเธอเดินออกไปข้างนอก
บอดี้การ์ดเอาสัมภาระของมู่น่อนน่อนไปไว้ที่รถแล้ว เฉินถิงเซียวให้วันหยุดสือเย่ คนขับรถเป็นคนที่มักจะขับรับส่งมู่น่อนน่อน
……
ในรถที่หน้าประตูเรือนจำ
“เฮ้ มู่น่อนน่อน”
มู่หวั่นชีเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเหลือบมอง ก่อนจะพบว่ามู่น่อนน่อนวางสายเธอไปแล้ว
หน้าตาเธอมีแต่ความโกรธ “มู่น่อนน่อนนังผู้หญิงราคาถูกกล้าวางสายใส่ฉัน!”
ซือเฉิงหยู้ที่อยู่ข้างๆ จิ้มดับควันในมือ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเพราะฤทธิ์บุหรี่ “นิดหน่อยก็พอแล้ว กลับกันก่อนเถอะ”
ทันทีที่ซือเฉิงหยู้เปิดปากพูด ความกรุ่นโกรธบนใบหน้าของมู่หวั่นชีพลันหายไปทันที เธอเผยรอยยิ้มยั่วยวน เข้าไปอิงแอบซือเฉิงหยู้ “คุณใจดีกับฉันมากเหลือเกินค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณคุณยังไงดี...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...