ตอนที่เฉินถิงเซียวกลับไปที่ห้อง มู่น่อนน่อนยังไม่ตื่น
เขาเพิ่งสูบบุหรี่มา บนนิ้วจึงมีกลิ่นเขม่าควัน
เขาเอาเสื้อคลุมวางข้างเตียง เหลือบมองมู่น่อนน่อน แล้วเข้าห้องน้ำไปล้างมือ
ตอนที่ออกมา เห็นมู่น่อนน่อนห่มผ้าห่มนั่งพิงหัวเตียง สีหน้างัวเงีย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตื่น ยังคงไม่มีสติ
“ตื่นแล้วเหรอ”
เฉินถิงเซียวเดินไปนั่งลงข้างเตียง
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว “คุณสูบบุหรี่เหรอ”
เฉินถิงเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าจมูกมู่น่อนน่อนจะดีขนาดนี้ แต่ก็ยังพยักหน้ายอมรับ “อืม”
จากนั้นเขาก็เพิ่มอีกประโยค “แค่มวนเดียว และไม่กี่ทีด้วย”
จมูกของมู่น่อนน่อนดีกว่าตอนที่ยังไม่ท้องเสียอีก
“ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าคุณไม่สูบบุหรี่” มู่น่อนน่อนแทบไม่เคยเห็นเฉินถิงเซียวสูบบุหรี่มาก่อน ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเฉินถิงเซียวไม่สูบบุหรี่
เฉินถิงเซียวหัวเราะเสียงแผ่ว ไม่ได้พูดอะไร
ที่จริงเขาไม่สูบบุหรี่มากนัก เขาไม่ได้ติดบุหรี่
เพราะบุหรี่ทำร้ายร่างกาย เขาเสียดายชีวิตมาก
แต่ช่วงนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บางครั้งเขาจึงอดไม่ได้ที่จะอยากสูบบุหรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตอนที่มู่น่อนน่อนไม่อยู่ เขาถึงจะสูบบุหรี่
เฉินถิงเซียวคร่ำครวญครู่หนึ่ง และจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “หลังจากนี้ถ้าเจอซือเฉิงหยู้ อยู่ให้ห่างจากเขา”
ถึงแม้ตอนที่เขาไม่อยู่ เขาก็ยังจัดบอดี้การ์ดจำนวนมากเพื่อติดตามมู่น่อนน่อน แต่ช่วงหลายวันนี้อยู่ในบ้านเก่า มู่น่อนน่อนไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับซือเฉิงหยู้ได้
มู่น่อนน่อนเหลือบไปเห็นเสื้อนอกของเฉินถิงเซียววางอยู่ข้างเตียง เธอจำได้ว่าก่อนที่เธอจะหลับไป เสื้อคลุมของเฉินถิงเซียววางอยู่บนโซฟา
เหมือนว่าหลังจากเธอหลับ เฉินถิงเซียวมีการออกไปข้างนอก
มู่น่อนน่อนสอบถามอย่างคาดเดา “คุณไปเจอเขามาอีกครั้งเหรอ พวกคุณคุยอะไรกันคะ”
“ไม่ได้คุยอะไรเท่าไร” ใบหน้าของเฉินถิงเซียวค่อนข้างเย็นชา “ตอนนี้ผมกับเขาจะคุยอะไรกันได้อีกล่ะ”
มู่น่อนน่อนจับมือเฉินถิงเซียวอย่างปลอบโยน และไม่ได้พูดอะไรอีก
……
อยู่บ้านเก่าไม่ได้มีอะไรทำ ยกเว้นที่มู่น่อนน่อนไปทานข้าว โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในห้อง
เพียงแต่หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว คุณปู่จะเรียกให้เธอไปที่ห้องดูทีวีเป็นเพื่อนเขาสักพัก
มู่น่อนน่อนยังคิดว่าคุณปู่เฉินมีอะไรจะพูด ปรากฏว่าแค่ให้ดูทีวีเป็นเพื่อนเขาเท่านั้น
รายการที่คนแก่ชอบดูก็อย่างเช่นพวกงิ้วทอร์คโชว์หรืออะไรพวกนั้น มู่น่อนน่อนจึงเบื่อนิดหน่อย แต่คุณปู่เฉินดูอย่างกระตือรือร้น ก็เลยได้แต่ดูเป็นเพื่อน
โชคดีที่คุณปู่เฉินยังเป็นห่วงเกี่ยวกับร่างกายของมู่น่อนน่อน จึงให้เธอดูเป็นเพื่อนเขาแค่ชั่วโมงเดียวก็ไล่เธอกลับห้องไปพักผ่อน
คุณปู่เฉินหรี่ตามองมู่น่อนน่อนอยู่สองสามนาที “เธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ให้ถิงเซียวเข้ามา ฉันมีเรื่องจะพูดกับเขา”
ก่อนหน้านี้คุณปู่เฉินให้มู่น่อนน่อนดูทีวีเป็นเพื่อนเขา ตอนนั้นเฉินถิงเซียวจะตามเข้ามา เพียงแต่มู่น่อนน่อนไม่ให้เขาตามเข้ามาด้วย
เดิมทีคุณปู่เฉินเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่น จึงไม่ใช่เรื่องดีที่เฉินถิงเซียวจะแสดงความห่วงใยเธอมากเกินไป
“ค่ะ” มู่น่อนน่อนลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินออกไปข้างนอก
“น่อนน่อน”
เมื่อเธอเดินไปถึงหน้าประตู ได้ยินคุณปู่เฉินเรียกเธอข้างหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...