บทที่ 263 ถอดคางออกมา – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 263 ถอดคางออกมา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
โรงพยาบาลอยู่ใกล้ชานเมือง มู่น่อนน่อนขับรถออกมา ก็ขับไปทางยังที่เปลี่ยว
ทางนั้นมีรถราขับผ่านน้อยมาก เฉินถิงเซียวขับแซงไปข้างหน้า แล้วหักพวงมาลัยขวางไว้ตรงกลางถนน ไม่ให้รถของมู่น่อนน่อนไป
มู่น่อนน่อนเหยียบเบรกแล้วหยุดรถไว้
แต่เธอก็ไม่ได้มาจากรถ
เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปอยากจะเปิดประตูรถ แต่กลับเห็นว่าประตูรถล็อกอยู่ เปิดออกไม่ได้เลย
“มู่น่อนน่อน ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เฉินถิงเซียวทุบประตูรถแรงๆสองครั้ง
มู่น่อนน่อนมองขวางเฉินถิงเซียว แล้วลดหน้าต่างลง โทรหาตำรวจต่อหน้าเฉินถิงเซียว
“ฉันอยู่ตรงชานเมืองทิศใต้ มีรถคันหนึ่งจอดขวางถนนไว้ค่ะ……”
มู่น่อนน่อนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเฉินถิงเซียวยื่นมือเข้าไปแย่งโทรศัพท์ออกมา
เขาแย่งมาได้แล้วก็กดวางสายทันที จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ลงมา”
มู่น่อนน่อนเลิกคิ้ว เปิดประตูรถแล้วเดินลงไป
เธอลงมาแล้ว เฉินถิงเซียวอยากจะคว้ามือเธอไว้
มู่น่อนน่อนรู้ทันว่าเฉินถิงเซียวจะทำอะไร เธอถอยออกไปเบาๆ แล้วก็หลบจากมือของเฉินถิงเซียวได้
สีหน้าเฉินถิงเซียวเปลี่ยนไปทันที อุณหภูมิรอบด้านก็ลดลงตามไปด้วย
มู่น่อนน่อนไร้อารมณ์ใดๆบนใบหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นว่า: “แยกทางกันก่อนเถอะ”
ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองได้แต่งงานกับเฉินถิงเซียวเสียอีก ต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้น ถึงได้รู้ว่าชื่อในทะเบียนสมรสเป็นชื่อของมู่หวั่นขีกับเฉินถิงเซียว
ต่อมา เฉินถิงเซียวกับมู่หวั่นขีหย่ากัน แล้วจะจดทะเบียนสมรสกับมู่น่อนน่อน เธอไม่ได้ตกลงทันที แต่ยื้อเวลาไปก่อน
ลางสังหรณ์ของผู้หญิงเป็นสิ่งลี้ลับบนโลกใบนี้
ตอนนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยื้อเวลาไม่ไปจดทะเบียนสมรสสักที แต่ตอนนี้เธอมีคำอธิบายที่มีเหตุผลแล้วล่ะ
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง สีหน้าเขาดูโหดเหี้ยมมากขึ้น: “เธอพูดอีกทีสิ”
“ยังไงตอนนี้นายไม่เชื่อฉันแล้วนี่ ทุกวันฉันต้องถูกขังอยู่ในบ้านเหมือนนักโทษ ฉันได้แต่นั่งรอให้พวกนายตระกูลเฉินมาตัดสินคดีฉัน ฉันพอแล้วล่ะกับชีวิตแบบนี้”
แววตาของมู่น่อนน่อนเด็ดขาดมาก: “เธอไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไร งั้นก็แยกกันไปก่อน ฉันจะไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวฉันเอง”
“อยากหนีออกจากฉันงั้นเหรอ?”
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มเย็นชา: “ฝันไปเถอะ”
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอถูกเฉินถิงเซียวอุ้มและยัดเข้าไปในรถ แล้วก็ขึ้นมานั่งบนโลก ล็อกประตูเสร็จแล้ว ก็สตาร์ทเครื่องขับออกไปทันที
ในด้านพละกำลังนั้น เธอเทียบกับเฉินถิงเซียวไม่ได้
เธอเริ่มเหนื่อยก็เลยหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ไม่ก็แยกทางกัน ไม่ก็บอกฉันมาว่านายคิดจะทำอะไรกันแน่”
เฉินถิงเซียวไม่ได้สนใจเธอ แต่แค่ขับรถไปเงียบๆ
มู่น่อนน่อนรอคำตอบนานมาก แน่ใจว่าเฉินถิงเซียวไม่สนใจเธอจริงๆ ก็เลยหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
เฉินถิงเซียวขับรถมาส่งเธอที่คฤหาสน์
ครั้งนี้ เฉินถิงเซียวเพิ่มกำลังคนในคฤหาสน์มากขึ้นไปอีก
บอดี้การ์ดที่อยู่เฝ้าทั้งในสามชั้นและนอกสามชั้น ปิดล้อมคฤหาสน์หลังนี้ไว้แน่นหนา
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ระเบียงชั้นสอง มองเฉินถิงเซียวที่กำลังสั่งบอดี้การ์ดอยู่ด้านล่างลานด้วยแววตาที่เย็นชา
เฉินถิงเซียวเหมือนรู้สึกได้ถึงสายตาของมู่น่อนน่อน เขาก็เลยหันไปมองเธอกลับ
มู่น่อนน่อนกลับหลังหันเดินเข้าห้องตัวเองไป
อากาศเดือนแรกยังคงหนาวอยู่เล็กน้อย
เธอกลับเข้าห้องไป ก็กอดผ้าห่มที่อยู่บนโซฟาทันที และพิมพ์แก้ไขบทละครตัวเองในคอมพิวเตอร์
ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก
มู่น่อนน่อนไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่คนที่มานั้นเดินมาด้วยฝีเท้าที่ไม่มีเสียงเดิน เธอก็รู้แล้วว่าคือเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ตรงหน้าเธอ: “ช่วงนี้ฉันอาจจะมียุ่งหน่อย เธอระวังรักษาสุขภาพด้วย”
ก่อนหน้านี้เธอก็คิดว่าเธอเชื่อใจเฉินถิงเซียวได้
แต่ว่า คำพูดของเฉินถิงเซียวชัดเจนมาก เธอจะเชื่อเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เธอจะต้องวางแผนเพื่อตัวเองบ้างแล้ว
วันก่อนมู่ลี่เหยียนประกาศออกข่าวแล้วว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเธอ แต่ชื่อเธอยังอยู่ในทะเบียนบ้านของตระกูลมู่
มู่น่อนน่อนกดโทรหาเซียวชู่เหอ
ในตอนที่ปลายสายรับแล้วนั้น ก็มีเสียงของเซียวชู่เหอดังขึ้น: “คุณมู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ถึงขั้นเรียก “คุณมู่” เลยเหรอ?
มู่น่อนน่อนกระตุกมุมปากเบาๆ: “ฉันอยากเอาชื่อออกจากทะเบียนบ้านนั้น”
เธอต้องการเอาทะเบียนบ้านของตัวเอง
เซียวชู่เหอเงียบสักพัก จากนั้นก็พูดว่า: “ทะเบียนบ้านของคุณ ถูกย้ายออกมานานแล้ว ก่อนหน้านั้นเฉินถิงเซียวมาหาคุณปู่เอง”
เรื่องนี้ เซียวชู่เหอรู้ก็ตอนที่มู่ลี่เหยียนประกาศว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับมู่น่อนน่อน
เฉินถิงเซียวรู้ตั้งนานแล้วเหรอว่าชื่อในทะเบียนบ้านตระกูลมู่เธอย้ายออกมาแล้ว?
มู่น่อนน่อนวางสายไป และรีบวิ่งไปที่ห้องหนังสือของเฉินถิงเซียว ไปตามหาทะเบียนบ้านของตัวเอง
เพราะยังไง จะต้องใช้สำเนาทะเบียนบ้านเยอะ
ช่วงนี้เฉินถิงเซียวไม่ได้เข้ามาในห้องหนังสือเลย แต่คนรับใช้ก็มาทำความสะอาดทุกวัน
ห้องหนังสือเขาใหญ่มาก มู่น่อนน่อนตามหาอยู่นาน สุดท้ายก็มองไปที่ลิ้นชักที่ถูกล็อกข้างล่างโต๊ะทำงานนั้น
มู่น่อนน่อนยื่นมือไปอยากจะดึงออกมา แต่กลับดึงไม่ได้
เธอไม่ค่อยแตะต้องของของเฉินถิงเซียวเท่าไหร่ ก็ไม่รู้อยู่แล้วว่ากุญแจลิ้นชักเขาอยู่ที่ไหน
มู่น่อนน่อนคิดแล้วคิดอีก ก็รีบเดินลงไปที่ลานบ้านแล้วตามหาก้อนหิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...