ตั้งแต่ครั้งก่อนที่มู่น่อนน่อนแกล้งสลบไปโรงพยาบาล ก็หาโอกาสออกไปไม่ได้อีกเลย
เฉินถิงเซียวยังเอาหมอมาไว้ในคฤหาสน์เพื่อดูแลเธอโดยเฉพาะ
รอบๆคฤหาสน์ก็มีบอดี้การ์ดล้อมอยู่ ทำเหมือนว่ากำลังเฝ้าคนร้ายเลย มู่น่อนน่อนหนีออกไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
และเฉินถิงเซียวก็แทบจะไม่เคยกลับมาเลย
จนกระทั่งเช้าวันที่เจ็ด มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา
สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เขานอนพิงอยู่บนโซฟา หายใจเบามาก ทั้งตัวดูเหมือนสงบมาก
ในห้องแม้จะเปิดฮีตเตอร์แล้ว แต่ถ้าไม่ห่มผ้ายังไงก็หนาวอยู่ดี และเฉินถิงเซียวใส่แค่เสื้อเชิ้ตและชุดสูทบางๆ
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นจากเตียง แล้วไปหยิบผ้ามาคลุมให้เขา
แต่ว่า เธอเพิ่งโน้มตัวลงไปวางผ้าไปที่บนตัวเขา เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที
สบเข้ากับดวงตาที่มืดมนของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนใจสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้: “นายตื่นแล้วเหรอ”
มู่น่อนน่อนพูดอยู่นั้น ก็ลุกขึ้นมา
เฉินถิงเซียวเอาผ้าบนตัวออกและโยนไปข้างๆ นั่งตัวตรงยืดเส้นยืดสาย และนวดระหว่างคิ้วเบาๆ สักพักเขาก็ถึงพูดว่า: “เมื่อคืนคุณปู่ตื่นแล้ว”
มู่น่อนน่อนอึ้ง: “นายว่าคุณปู่ตื่นแล้วเหรอ?”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเธอ พูดด้วยสีหน้ายากที่จะอธิบาย: “อย่าเพิ่งดีใจไป เขายังไม่รู้จักใครเลย”
ท่านปู่เฉินตื่นแล้ว มู่น่อนน่อนก็ต้องดีใจอยู่แล้วสิ
ยังมีอีกเรื่องก็คือ ถ้าท่านปู่เฉินฟื้นขึ้นมาได้ งั้นก็พิสูจน์ได้ว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้ผลักเขาลงไปในตอนนั้น
แต่ว่า คำพูดของเฉินถิงเซียวกลับทำให้มู่น่อนน่อนต้องผิดหวังอีกครั้ง
“หมายความว่ายังไง?”
“แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปโรงพยาบาลกัน”
เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ลุกขึ้นไปห้องอาบน้ำ
……
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ห้องของท่านปู่เฉินมีคนยืนอยู่เต็มเลย แต่กลับเงียบมาก
พอเห็นเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนเข้ามา คนพวกนั้นก็ถอยออกไปเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไป
มู่น่อนน่อนเดินตามหลังเฉินถิงเซียว พอเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ถึงเห็นอาการของท่านปู่เฉิน
ท่านปู่เฉินตื่นแล้วก็จริง
คนรับใช้กำลังป้อนน้ำให้เขา
“คุณท่านคะ ดื่มน้ำค่ะ” คนรับใช้ยื่นหลอนไปใกล้ๆปากของท่านปู่เฉิน
ท่านปู่เฉินเหมือนจะไม่ได้ยิน เอียงหน้าออกไปไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ปากก็เผยอยิ้มออกมา และยังมีน้ำลายไหลออกมาจากปากอีก
เฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างๆก็ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ป้อนน้ำเรื่องเล็กแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้งั้นเหรอ?”
คนรับใช้ถูกเฉินถิงเซียวด่าแบบนี้ ก็ตกใจจนตัวสั่นเทา จากนั้นก็ถึงยัดหลอดเข้าไปในปากท่านปู่เฉินได้
ท่านปู่เฉินอมหลอนไว้ ดูดไปสองคำ ก็เหมือนเด็กเล็กที่เพิ่งหัดดื่มน้ำด้วยหลอด
มู่น่อนน่อนมองท่านปู่เฉินด้วยแววตาที่ตกตะลึง เธอหันไปมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ และถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า: “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”
“ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะ” ใบหน้าของเฉินถิงเซียวไม่มีอารมณ์ใดๆ สีหน้าเขาดูใจเย็นมาก เดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ขอบตาของมู่น่อนน่อนแดงระเรื่อขึ้นมา เธอนั่งลงข้างๆเตียง เรียกท่านปู่เฉินด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “คุณปู่คะ?”
ท่านปู่เฉินไม่รู้สึกตัวอะไรเลย
เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ตายใจอีกว่า: “คุณปู่คะ หนูเองค่ะ น่อนน่อนเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...