เวลาล่วงเลยค่อนปีเข้าไปแล้ว เพราะว่าเรื่องของคุณท่านเฉิน ทางตระกูลมู่เลยตัดขาดกับมู่น่อนน่อน เพราะกลัวว่าจะถูกสาวมาถึงตัวด้วย และยังไม่ได้บอกกับมู่น่อนน่อนด้วยซ้ำ พลันลงประกาศตัดขาดความเป็นพ่อลูกกันในหนังสือพิมพ์ทันที
คนในตระกูลมู่ต่างให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก การที่พวกเขาทำเช่นนี้ มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ตกใจอะไรเลย และก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมาก
ถึงอย่างไร ก็ไม่เคยฝันลมๆ แล้งๆ มานานแล้ว
ตอนนั้นเรื่องมันดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมือง ที่นั่งกันอยู่ก็เป็นคนที่อยู่ในวงการบันเทิงทั้งสิ้น ย่อมสนใจเรื่องนี้ดี
คนฉลาดมองแวบเดียวก็ดูออกว่า ตระกูลมู่กลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อนด้วยเลยคิดแผนการขึ้นมาทันที
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเผชิญกับสถานการณ์ในเวลานั้น ก็จะทำแบบเหมือนกับมู่ลี่เหยียนทำ แต่ว่าการทำเช่นนี้มันไม่ได้รุ่งโรจน์มากนัก
พฤติกรรมแบบนี้มักจะถูกคนอื่นดูถูกเอาตามธรรมชาติอยู่แล้ว
มู่หวั่นขีจงใจทิ่มแทงมู่น่อนน่อน การถากถางมู่น่อนน่อนอย่างจงใจทำจนเห็นชัดขนาดนี้ คนโง่ยังมองออกเลย
บรรดาเน็ตไอดอลที่มาในวันนี้ก็ไม่ใช่นักแสดงในบทธรรมดาเลย พวกเธอได้แค่ยิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
มู่หวั่นขีก็เห็นข่าวที่เขียนอยู่บนอินเทอร์เน็ตแล้ว และมีแนวโน้มที่มู่น่อนน่อนจะเลิกรากลับเฉินถิงเซียวจริง อย่างน้อยเรื่องที่บังเอิญเจอหน้ากันที่ห้างสรรพสินค้า เธอก็เลือกที่จะลืมเรื่องนี้ไปหมดสิ้นแล้ว
เธออยากจะพูดทิ่มแทงใจดำมู่น่อนน่อนอีกหลายประโยค เพื่ออยากให้มู่น่อนน่อนโกรธจนเต้นเป็นเจ้าเข้า แต่กลับไม่คิดว่าตอนนี้ตนเองถูกคนอื่นหัวเราะเอาแทน
เธอมองไปยังพวกเน็ตไอดอลหลายคนนั้น พลางพูดอย่างเย็นชาใส่ “พวกคุณหัวเราะอะไรกัน?”
พวกเน็ตไอดอลที่มีแฟนคลับเยอะก็ถูกถึงดึงเข้ามาเกี่ยวพันด้วย แทบไม่ไว้หน้ามู่หวั่นขีเลย
คนในวงการบันเทิง ไม่มีใครอยากเสวนาด้วย ยิ่งเป็นผู้หญิงแล้วด้วย
หนึ่งในพวกเน็ตไอดอลก็พูดขึ้นมา “โรงแรมจีนติ่งเป็นของคุณเหรอไง? พวกเรามีความสุขแล้วอยากหัวเราะออกมา ต้องคอยให้คุณมาอนุญาตด้วยหรือไง?”
นี่มันการแสดงชัดๆ คำพูดทิ่มแทงใจดำของเธอ ถูกเธอพูดใส่อย่างไม่ร้ายแรงและเฉยเมย สร้างความเหินห่างกันอย่างชัดเจน
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ถึงได้ใช้คำพูดนี้มาพูดกับคนอย่างฉันได้?” มู่หวั่นขีพูดจบ ก็หันมาหาซือเฉิงหยู้ที่อยู่ด้านข้าง ราวกับเป็นการบอกใบ้ให้ซือเฉิงหยู้ช่วยเธอพูดหน่อย
คนในวงการต่างรู้ดีว่า ในครึ่งปีที่ผ่านมาซือเฉิงหยู้ทำตัวเละเทะไปใหญ่
อันดับแรกคือการยกเลิกสัญญากับบริษัทเสิ้งติ่ง จากนั้นก็ไปคบหากับผู้หญิงที่ชื่อเสียงเหม็นโฉ่ไปทั่ววงการมาเป็นแฟน ถูกวิจารณ์จนย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ พอได้หนังมาก็ห่วยแตกมาก แต่ว่าสถานะของเขากลับไม่ได้ลดน้อยลงสักเท่าไหร่
ซือเฉิงหยู้ไม่ได้สักแสดงท่าทางอยากจะช่วยพูดให้กับมู่หวั่นขีเลย เขาก็แค่ยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาเท่านั้นเอง พลางเอ่ยว่า “ผมมีธุระต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”
ซือเฉิงหยู้พูดจบ ก็หันไปทางมู่น่อนน่อนทันที และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น่อนน่อนจะกลับยังไง? ให้ผมขับรถไปส่งคุณไหใ?”
เมื่อครู่ยังเรียก “คุณมู่อยู่เลย” อีกเดี๋ยวมาเรียก “น่อนน่อน” ซะแล้ว
คำเรียกที่เปลี่ยนไปจนแสดงความสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะให้คนนึกถึงข่าวลือระหว่างซือเฉิงหยู้กับมู่น่อนน่อนก่อนหน้านี้ได้
ทั้งสองคนเคยคบหากันมาสักระยะหนึ่ง
มู่น่อนน่อนกล้ารับประกันได้เลย ว่าซือเฉิงหยู้เขาจงใจทำ
เขารู้อยู่เต็มอกว่าเธอกับมู่หวั่นขีไม่ลงรอยกัน เลยจงใจทำเรื่องแบบนี้ออกมา ก็เพื่อให้มู่หวั่นขีจงเกลียดจงชังกับเธอ
“ฉันไม่ได้สนิทกับคุณชายซือขนาดนั้น” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ไม่ได้อยู่ต่อ เดินมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอกทันที
เมื่อหันตัวในเวลานั้น เธอก็สังเกตเห็นสายตาของมู่หวั่นขีมาจ้องมองมาทางเธอ ราวกับเกลียดเธอและจงใจจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าซือเฉิงหยู้เป็นบ้าไปแล้วมั้ง
ยังอยู่ดีๆ แท้ จู่ๆ ก็บ้าขึ้นมาทันตาเห็น
ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง และไม่สนใจหน้าที่การงานในวงการของตนเอง ราวกับเป็นการปลอดปล่อยของตนเอง แถมยังขุดหลังฝังตนเองอีก
มู่น่อนน่อนเดินนำหน้า ฉินสุ่ยซานก็เดินตามหลังไป
วันนี้เธอพูดนินทามากเหลือเกิน “แกกับซือเฉิงหยู้เคยคบหากันมาสักระยะใช่ไหม?”
มู่น่อนน่อนปฏิเสธกลับอย่างเฉียบขาด “เปล่านะ”
ฉินสุ่ยซานกับมู่น่อนน่อนทำงานร่วมกันมานาน และย่อมรู้ถึงนิสัยของมู่น่อนน่อนดี ถ้าเธอพูดตรงๆ ไม่มีอาการติดขัดขนาดนี้ออกมา นั่นหมายถึงไม่มีอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...