มู่น่อนน่อนใช้เวลาหลายวินาที ถึงจะเข้าใจคำพูดของเสิ่นชูหาน
“ทำไมนายไม่บอกฉันก่อน?” เธอหันหน้าไปมองเสิ่นชูหานด้วยแววตาที่เย็นชา
เสิ่นชูหานหัวเราะ ทำท่าเหมือนไม่สนใจใดๆ: “ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง”
มู่น่อนน่อนหัวเราะ เธอคงจะเชื่อคำพูดของตาหมอนี่หรอก
เธอหันหน้าไปมองประตูห้องโถงที่กำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ ที่นั่นไม่มีเฉินถิงเซียวอยู่
หลังจากที่เฉินถิงเซียวรับช่วงต่อบริษัทเฉินซื่อแล้ว เขาก็จะต้องไปงานเลี้ยงหรือกิจกรรมมากมาย
แต่เพราะงานเลี้ยงที่เขาไปนั้นเป็นระดับไฮโซ ดังนั้นมู่น่อนน่อนเลยไม่คิดว่า งานเลี้ยงที่เสิ่นชูหานเข้าร่วม เฉินถิงเซียวก็จะมาด้วย
อีกด้านคือ ตระกูลเสิ่นกับตระกูลเฉินไม่มีสัมพันธ์ทางด้านธุรกิจ และน้อยครั้งที่จะพบปะกัน
ดังนั้น เธอจึงไม่ทันได้คิดว่าเฉินถิงเซียวจะมาร่วมงานเลี้ยงนี้ได้
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเสิ่นชูหานต้องตั้งใจทำแบบนี้แน่ๆ
“ตอนนี้เธอเป็นคู่ของฉัน ภารกิจคืนนี้ของเธอก็คืออยู่กับฉัน” เสิ่นชูหานแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วก็ลดมือตัวเองลง เป็นสัญญาณให้มู่น่อนน่อนตามเขามา
มู่น่อนน่อนรู้สึกสับสนไปหมด
ถ้าเฉินถิงเซียวมาแล้ว เห็นว่าเธอมางานเลี้ยงกับเสิ่นชูหาน ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน
มู่น่อนน่อนคิดไปคิดมาแล้ว “สารภาพผิด” ก่อนยังจะดีกว่าอีก
เธอเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วกุมท้องตัวเองไว้แน่น: “ฉันปวดท้องน่ะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
เสิ่นชูหานหยุดเดิน แล้วมองเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็รู้สึกคำพูดนี้ดูคุ้นหูมาก
ตอนต้นปี ตอนที่เธอทิ้งเสิ่นชูหานแล้วออกประเทศไปคนเดียว ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน
มู่น่อนน่อนรู้สึกเขินอาย แล้วก็อธิบายกับเขาอย่างจริงใจว่า: “ครั้งนี้ฉันปวดท้องจริงๆนะ……”
เธอคิดไปมาแล้ว ก็บอกข้ออ้างไปว่า: “ฉันท้องไส้ไม่ค่อยดีน่ะ ช่วงสองวันนี้กินหลายอย่างรวมกัน ก็เลยท้องเสียน่ะ……”
เสิ่นชูหานพยักหน้า พูดว่า: “ฉันไปกับเธอแล้วกัน”
ตามหมอนี่ จริงๆเล้ย……
มู่น่อนน่อนพ่นลมหายใจยาว ต้องจำใจยอมให้เสิ่นชูหานไปห้องน้ำกับเธอ
หลังจากที่มู่น่อนน่อนเข้าห้องน้ำหญิงไปแล้ว ก็หลบอยู่ในห้องน้ำแล้วโทรศัพท์หาเฉินถิงเซียว
โทรศัพท์ดังแค่สองครั้งก็มีคนรับแล้ว
“มู่น่อนน่อน”
เสียงของเฉินถิงเซียวดูทุ้มต่ำ ตอนที่เรียกชื่อเธอก็ยังเรียกเต็มอีก พอเวลานานเข้า มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงที่เขาเรียกชื่อตัวเองนั้นดูสนิทกันมาก
มู่น่อนน่อนรอบรวมคำพูด แล้วถามไปว่า: “คืนนี้นายก็มาร่วมงานเลี้ยงเหมือนกันเหรอ?”
“ทำไม? จะตรวจสอบเหรอ?” เสียงของเฉินถิงเซียวมีความหยอกล้อเล็กน้อย: “วางใจเถอะ ฉันไม่ได้พอคู่มาด้วย ฉันพาสือเย่มาน่ะ”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วก็แอบวิตกภายในใจ
คำพูดด้านหลัง เธอก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดยังไงต่อ
เห็นมู่น่อนน่อนไม่พูดสักที เฉินถิงเซียวก็เลยถามไปว่า: “ทำไมเหรอ?”
“คือ……ฉัน” มู่น่อนน่อนพูดไม่ออกจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่กล้าพูดว่าเธอมาร่วมงานเลี้ยงนี้กับเสิ่นชูหาน
อีกด้าน เฉินถิงเซียวก็รอเธอตอบอย่างอดทน
มู่น่อนน่อนลังเลสักพัก ก็ถึงพูดว่า: “ไม่พาคู่มาก็ดีแล้วล่ะ”
เฉินถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้ออย่างเห็นได้ชัด: “ตอนนี้ฉันจะไปงานเลี้ยงแล้ว เดี๋ยวดึกๆค่อยโทรหาเธอนะ”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วก็ตอบไปว่า: “ได้สิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...