มู่น่อนน่อนกุมขมับอย่างหงุดหงิด: “นายตามฉันมาทำไม?”
เสิ่นชูหานไม่สนใจที่มู่น่อนน่อนรำคาญตัวเอง แต่กลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “หรือว่าเธอ ไม่อยากรู้ว่าฉันรู้ความลับอะไรเกี่ยวกับตระกูลเฉินเหรอ?”
“นายอยากบอกฉันแล้วเหรอ?” มู่น่อนน่อนไม่เชื่อหรอกนะว่าเสิ่นชูหานจะใจดีขนาดนั้น
เสิ่นชูหานมีสีหน้าเจ็บปวด: “ในใจเธอ ฉันมันเลวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คำถามนี้ สำหรับมู่น่อนน่อนแล้ว ไม่ต้องไปคิดเลยด้วยซ้ำ
แต่พอมู่น่อนน่อนนึกถึงเรื่องในอดีต
มู่น่อนน่อนก็ถามเขาอย่างสงสัย: “หลังจากคลิปของมู่หวั่นขีแพร่ออกมาแล้ว ทำไมนายถึงยังอยู่กับเธอ เธอจับจุดอ่อนอะไรของนายได้งั้นเหรอ?”
มู่น่อนน่อนไม่เชื่อหรอกนะว่า เสิ่นชูหานจะบอกความลับทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับตระกูลเฉินบอกเธอ
สู้ถามเรื่องที่เธอสงสัยมาตลอดยังจะดีกว่า แม้เสิ่นชูหานอาจจะไม่บอกก็ตาม
เสิ่นชูหานเงียบไปสักพัก: “เธอสงสัยเหรอ?”
“ใช่” มู่น่อนน่อนพูดไปด้วย แล้วเดินไปทางประตูลิฟต์ด้วย: “ถ้าไม่สงสัย ฉันจะมาถามนายทำไมกัน”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนเดินไปถึงหน้าประตูลิฟต์แล้ว เธอก็ได้ยินเสิ่นชูหานพูดขึ้นจากด้านหลังว่า: “เธอเลี้ยงอาหารฉันมื้อหนึ่ง แล้วฉันจะบอกเธอ”
มู่น่อนน่อนหัวเราะ ไม่พูดอะไร
“เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?” เสิ่นชูหานพูด
มู่น่อนน่อนเข้าไปในลิฟต์แล้วพูดว่า: “รู้แล้วยังจะถามอีก?”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป เห็นเสิ่นชูหานยังยืนอยู่ด้านนอกลิฟต์ไม่ขยับไปไหน เธอจึงเลิกคิ้วถามว่า: “นายไม่ไปเหรอ?”
เสิ่นชูหานกระตุกยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูฝืนใจมาก: “เธอไปก่อนเถอะ”
มู่น่อนน่อนรู้ตัวว่าคำพูดเมื่อกี้ของตัวเองทำร้ายจิตใจของเขา
แต่สิ่งที่เธอพูดคือความจริงนี่
เธอไม่ได้ทำผิดต่อเสิ่นชูหานเลย และไม่จำเป็นต้องไปคล้อยตามเสิ่นชูหานด้วย
เสิ่นชูหานเอาแต่พูดว่าเธอกับเฉินถิงเซียวไม่เหมาะสมกันทั้งคืน เธอทนเขามามากแล้วล่ะ
ขนาดเสิ่นเหลียงยังไม่เคยพูดเรื่องของเธอกับเฉินถิงเซียวเลย เสิ่นชูหานมีสิทธิ์อะไรมาพูดกัน?
หรือว่าเป็นเพราะครั้งก่อนที่เขาช่วยเธอหนีรอดออกมาได้งั้นเหรอ?
แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรคิดแบบนี้ไหม
……
มู่น่อนน่อนออกมาจากโรงแรม ในตอนที่กำลังโบกรถข้างถนนนั้น ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้บอกกับเฉินถิงเซียว
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมโทรบอกเฉินถิงเซียว ทันใดนั้น ก็มีรถคันหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
ในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมานั้น ประตูของรถคันนั้นก็เปิดออก มีมือหนึ่งดึงเธอเข้าไปในรถ
มู่น่อนน่อนชะงักนิ่ง กำลังจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือนั้น กลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยพูดขึ้นว่า: “ฉันเอง”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว ก็ตะโกนออกมาอย่างตกใจ: “เฉินถิงเซียว?”
“อืม” ผู้ชายที่กอดเธอไว้ตอบรับเสียงเบา
ในขณะที่มู่น่อนน่อนโล่งอกนั้น ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เธอทุบไปที่ตัวของเขาอย่างแรงสองที: “ต่อไปนายอย่าทำเรื่องแบบนี้อีกนะ มันตกใจนะ รู้ไหม?”
เฉินถิงเซียวตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจ: “อืม”
ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น รถก็เริ่มขับออกไปแล้ว
ในตอนที่รถขับไปถึงถนนที่มีคนน้อยๆก็หยุดลง จากนั้นสือเย่ก็ลงจากรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...