ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 309

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวสนใจผิดจุด

แม้เธอจะไปเจอเสิ่นชูหานก็จริง แต่ตอนนี้ที่ควรสนใจต้องเป็นผลตรวจดีเอ็นเอฉบับนี้ไม่ใช่เหรอ?

มู่น่อนน่อนรู้สึกเหนื่อยใจ: “อืม”

“ไม่ฟังที่ฉันพูดเลยหรือไง?” เฉินถิงเซียววางผลตรวจดีเอ็นเอไว้ข้างๆ แล้วมองเธอด้วยแววตาเย็นชา

“พวกเรายังไม่ต้องพูดเรื่องนี้หรอก” ตอนนี้มู่น่อนน่อนแค่อยากรู้เรื่องผลตรวจดีเอ็นเอ ว่าเป็นของซือเฉิงหยู้กับเฉินชิงเฟิงจริงหรือเปล่า

เฉินถิงเซียวกลับแสดงออกอย่างจริงจัง: “ไม่อธิบายเรื่องนี้มาให้รู้เรื่อง ฉันจะไม่ยอมคุยเรื่องอื่นกับเธออีก”

“ใช่ ฉันไปเจอเสิ่นชูหานมาจริง แต่นั่นก็เพื่อเรื่องนี้ไง” มู่น่อนน่อนอธิบายกับเขาอย่างอดทน: “พวกเราแค่คุยกันสักพัก กินข้าวสักมื้อ ไม่ได้ทำ…….”

สีหน้าของเฉินถิงเซียวบึ้งตึงมากขึ้น: “ยังไปกินข้าวด้วยเหรอ?”

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรซื่อตรงขนาดนี้ จะอธิบายละเอียดทำไมเนี้ย

“ก็แค่ข้าวมื้อเดียวเอง” มู่น่อนน่อนเม้มปากบาง สำรวจดูปฏิกิริยาของเฉินถิงเซียวอย่างระมัดระวัง

“เหอะ” เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มเย็นชา: “ครั้งก่อนไปร่วมงานเลี้ยงกับเขา ครั้งนี้ไปกินข้าวด้วยกัน ครั้งหน้าล่ะ? พวกเธอจะทำอะไรด้วยกันอีก?”

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวพูดแรงเกินไปแล้ว

เธออยากรู้ความลับที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินจากเสิ่นชูหานมาตลอด และเสิ่นชูหานบอกเธอแล้ว เธอแค่เลี้ยงข้าวเขาตอบแทนเอง

“ฉันกับเขาไม่มีอะไรกันจริงๆนะ พวกเรา……”

เฉินถิงเซียวตัดจบคำอธิบายของมู่น่อนน่อน: “สนิทกันเร็วจังเลยนะ ความสัมพันธ์ของเธอกับมันพัฒนาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ!”

“เฉินถิงเซียว ถ้านายเป็นแบบนี้อีก ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ!” ที่มู่น่อนน่อนรับไม่ได้คืน เฉินถิงเซียวหึงโดยไร้ความหมายแบบนี้อยู่เรื่อย

เฉินถิงเซียวพูดอย่างเย็นชาว่า: “ฉันโกรธแล้วนะ”

มู่น่อนน่อน: “……”

เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวทำตัวเหมือนเด็ก

“เอาล่ะ พวกเรามาพูดเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอเถอะ” มู่น่อนน่อนยื่นมือไปจับมือเขาไว้

เธอคว้ามือเฉินถิงเซียวไว้ แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวจับมือไว้แทน

รู้สึกฝ่ามืออบอุ่นมาก สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้มาก

เขามองมู่น่อนน่อน แล้วพูดว่า: “เธอเคยคิดไหมว่า ทำไมเสิ่นชูหานรู้ความสัมพันธ์ของฉันกับซือเฉิงหยู้?”

ความสัมพันธ์ของเฉินถิงเซียวกับซือเฉิงหยู้ไม่เคยประกาศออกมาเลย

ดังนั้นเสิ่นชูหานน่าจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของเฉินถิงเซียวกับซือเฉิงหยู้สิ

แต่ว่า เสิ่นชูหานกลับรู้ว่าซือเฉิงหยู้เป็นคนของตระกูลเฉิน

มู่น่อนน่อนครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “หรือว่า เขาบังเอิญรู้เรื่องนี้เหรอ?”

เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น: “ทำไมเขาถึงเจอความบังเอิญทั้งหมดคนเดียว ทำไมไม่ไปซื้อหวยล่ะ ไม่แน่อาจจะถูกห้าร้อยล้านก็ได้”

คำพูดของเฉินถิงเซียว บางครั้งก็แอบแรงอยู่เหมือนกัน

มู่น่อนน่อนถามอย่างสงสัย: “แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”

เฉินถิงเซียวสีหน้าเย็นชาขึ้นมา: “มีคนตั้งใจให้เสิ่นชูหาน ให้เขาเอาผลตรวจดีเอ็นเอนี้มาให้พวกเรา”

มู่น่อนน่อนรู้สึกที่เฉินถิงเซียวพูดมามีเหตุผล

“งั้นคนคนนี้เป็นใครกันล่ะ?” มู่น่อนน่อนยังคิดว่าได้ผลตรวจดีเอ็นเอนี้มา คิดว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม

เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วเป็นปม ไม่ได้พูดอะไรอีก

มู่น่อนน่อนมองผลตรวจดีเอ็นเอนั้นสักพัก แล้วก็พูดว่า: “ผลตรวจดีเอ็นเอนี้ มีผลจริงเหรอ? หนึ่งในนั้นคือซือเฉิงหยู้จริงเหรอ?”

เฉินถิงเซียวมองไปที่ผลตรวจดีเอ็นเอนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดเลยทันที

ตอนที่ขึ้นปีใหม่ที่บ้าน เฉินเจียฉินได้ยินเขากับซือเฉิงหยู้พูดคุยกัน ก็บอกเขาว่า ช่วงนั้นซือเฉิงหยู้เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ

ต่อมาเฉินถิงเซียวก็สั่งคนให้ไปตรวจสอบเรื่องนี้ ก็พบว่าซือเฉิงหยู้ไปตรวจดีเอ็นเอจริง แต่ไม่ได้เก็บประวัติไว้

ซือเฉิงหยู้ระมัดระวังมาก จัดการได้สะอาดไม่มีที่ติ ไม่เหลือร่องรอยไว้ให้ตรวจสอบเลย

แม้จะไม่ได้ผลตรวจดีเอ็นเอนี้ เฉินถิงเซียวก็พอจะเดาออกแล้วล่ะ

แต่ว่า ต่อมามู่น่อนน่อนเกิดเรื่องขึ้น เขาเลยไม่มีโอกาสได้พิสูจน์สิ่งที่ตัวเองคาดเดา

ผ่านไปนานมาก เฉินถิงเซียวก็ถึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า: “จะเป็นของซือเฉิงหยู้กับเขาหรือเปล่า แค่ตรวจดีเอ็นเอแล้วมาเปรียบเทียบกันก็รู้แล้วล่ะ”

จากคำพูดของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนฟังออกได้ว่า เขาสงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว

มู่น่อนน่อนคิดแล้วก็พูดว่า: “ฉันไปเอาเส้นผมของซือเฉิงหยู้ให้ไหม ช่วงนี้ฉันอยู่ในกองถ่าย ไปโรงถ่ายละครบ่อยๆ โอกาสที่จะได้เจอซือเฉิงหยู้ก็มีเยอะกว่าด้วย”

เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร มู่น่อนน่อนก็รู้ว่าเขาจะต้องปฏิเสธคำแนะนำของเธอ

มู่น่อนน่อนเลยพูดก่อนที่เขาจะพูดว่า: “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้แล้วกัน ไม่ยอมรับคำปฏิเสธ เอาล่ะ นอนได้แล้ว”

เธอพูดจบ ก็รีบนอนลงไปทันที จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวตัวเองไว้แล้วปิดไว้แน่น

เฉินถิงเซียวเห็นผ้าห่มที่คลุมหัวเธอไว้ เขาก็ยื่นมือไปดึง: “ไม่ต้องปิดแล้วล่ะ”

มู่น่อนน่อนดึงผ้าออกไปหน่อยๆ เผยแค่หน้าผากออกมา

เฉินถิงเซียวหัวเราะ ยื่นมือไปแล้วดึงผ้าห่มออกทันที เขานอนเบียดเธอจากด้านหลัง แล้วกอดเธอไว้แน่นในอ้อมกอด

มู่น่อนน่อนจึงต้องขยับออกไปข้างๆ

เธอขยับไปข้างๆ เฉินถิงเซียวก็เหมือนกับหมากฝรั่งตามเธอไปด้วย ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยออกเลย

“ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้ ฉันร้อน”

แม้จะเปิดแอร์แล้วก็ตาม แต่ยังไงนี่ก็เป็นหน้าร้อน อุณหภูมิร่างกายของเฉินถิงเซียวก็สูงมากด้วย อย่างกับมีเตาผิงมาอยู่ใกล้เลย

เฉินถิงเซียวพูดแค่คำเดียว มู่น่อนน่อนก็เชื่อฟังเหมือนแมวแล้วหยุดดิ้นทันที

เขาว่า: “ฉันจะไปบริษัทพรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมง”

ตอนนี้ก็ตีสองกว่าแล้ว เฉินถิงเซียวจะไปบริษัทพรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมงอีก แล้วยังต้องตื่นขึ้นมาก่อนด้วย นั่นก็หมายความว่าคืนนี้เขานอนไม่ถึงห้าชั่วโมงด้วยซ้ำ

สำหรับพวกเขาสองคนแล้ว การได้นอนกอดกันเงียบๆแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

หลังจากที่เฉินมู่ถูกคนลักพาตัวไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็นอนไม่หลับมาตลอด

กลางคืนก็มักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา เวลานอนก็ไม่ตรงเวลาไปอีก

ตอนที่ฟ้าใกล้จะสว่าง เฉินถิงเซียวขยับนิดเดียว มู่น่อนน่อนก็ตื่นแล้ว

“เธอนอนต่อก็ได้ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก” เฉินถิงเซียวรู้สึกได้ว่ามู่น่อนน่อนก็ตื่นขึ้นมาด้วย ก็เลยจุ๊บไปที่ใบหน้าเธอเบาๆ

เขาลุกขึ้น มู่น่อนน่อนก็ลุกขึ้นตามด้วย

ตอนที่เฉินถิงเซียวเอาเนกไทออกมาจากตู้เสื้อผ้า มู่น่อนน่อนก็คืบคลานไปปลายเตียงแล้วรับเนกไทในมือเขามา

เธอช่วยเขาผูกเนกไทไปด้วย แล้วพูดกำชับไปด้วยว่า: “อย่าหักโหมเกินไป ดูแลตัวเองด้วย”

แม้เมื่อคืนจะนอนไม่ถึงห้าชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ไม่เจอความเหนื่อยบนใบหน้าของเฉินถิงเซียวเลย ทั้งตัวเขาดูจะสดใสขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เธอนึกถึงเรื่องที่เฉินถิงเซียวถูกยิง

แม้จะมีหลายครั้งที่เธอคิดว่าร่างกายของเฉินถิงเซียวทำมาจากเหล็ก แต่ในใจเธอรู้ดีว่า ถ้าเฉินถิงเซียวละทิ้งตำแหน่งในตอนนี้ไป เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

เขาก็แค่อดทนแข็งแกร่งกว่าคนปกติเท่านั้นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม