มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไปผลักหน้าอกกำยำของเฉินถิงเซียวอย่างไม่พอใจ “ใครให้คุณแต่งตัวแบบนี้ ... จนฉันเกือบจะจำคุณไม่ได้อยู่แล้วเชียว ...ฮ่า ๆ ...”
เมื่อพูดมาถึงท่อนท้ายประโยค มู่น่อนน่อนก็ถึงกลับอดกลั้นอาการหัวเราะออกมาไม่ไหว
เพราะว่าเธอไม่เคยเห็นเฉินถิงเซียวแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
เฉินถิงเซียวนิสัยเย็นชา ปกติแล้วลักษณะท่าทางก็ไม่ให้ใครเข้ามาถึงตัวได้ นอกจากมู่น่อนน่อนจะเห็นเขาแต่งชุดนอนกับชุดลำลองที่ใส่อยู่บ้านแล้ว เวลาที่เหลือก็คือใส่สูทตลอดทั้งนั้น
เสื้อสูท เสื้อเชิ้ต เนคไท ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของเฉินถิงเซียวไปแล้ว
เฉินถิงเซียวในหัวสมองของเธอ ต่างเป็นการแต่งตัวที่เรียบร้อยทั้งตัว ลักษณะท่าทางเย็นชาเคร่งขรึม
พอมาเห็นเฉินถิงเซียวแต่งกายชุดลำลองแบบนี้แล้วในเวลาฉุกละหุก แถมยังเป็นสีที่สะดุดตาแบบนี้ด้วย เธอถึงกลับตั้งตัวไม่ทันจริงๆ เลย
มู่น่อนน่อนเก็บอาการอย่างเต็มพิกัดแล้ว ทว่าเมื่อเธอชำเลืองมองเฉินถิงเซียว ก็อดหัวเราะเอาไว้ไม่ได้
จนกระทั่งทั้งสองคนมาถึงลานจอดรถและขึ้นรถแล้ว มู่น่อนน่อนก็ยังหัวเราะไม่หยุด
เฉินถิงเซียวตีหน้าเย็นชาใส่อยู่ตลอด จนมู่น่อนน่อนขึ้นรถแล้ว วินาทีที่ปิดประตูรถนั้น เขาก็ยื่นมือยาวออกไป พลางเหนี่ยวตัวของมู่น่อนน่อนเข้าหา จากนั้นก็จูบเธออย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน
เขาจับท้ายทอยของเธอเอาไว้และบรรจงจูบอยู่สักพัก ถึงได้ยอมปล่อยเธอออก แถมยังใช้น้ำเสียงเหมือนคุณครูที่กำลังถามหาเหตุผลของคนทำผิด “พอผมลงจากเครื่องก็มุ่งหน้ามาหาคุณทันที พอเจอหน้ากันแล้วคุณก็มาเยาะเย้ยใส่ผมเหรอ? หือ?”
ในจินตนาการของเขานั้น น่าจะเป็นฉากที่โผเข้าอ้อมกอดถึงจะถูก แต่ผู้หญิงคนนี้ ผลตอบแทนคือการมาหัวเราะเยาะเขาเสียนี่
ทางด้านสตูดิโอ ซิตี้มีดารามากมาย และก็มีนักท่องเที่ยวกับพวกสื่อมวลชนที่มาตามติดข่าวอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าเขาไม่กังวลว่าจะถูกถ่ายรูปเข้า ถึงได้จอดซื้อเสื้อผ้าและเปลี่ยนยกเซทตรงกลางทางหรอก
สิ่งที่เขาต้องการก็คือเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนเดิม สือเย่ก็เลือกชุดนี้ให้กับเขาทันที....
เขาย่อมรู้ดีว่า นอกจากเรื่องการทำงานที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจสือเย่ได้แล้ว เรื่องอื่นไม่สามารถพึ่งพาได้เลย
มู่น่อนน่อนกลั้นเสียงหัวเราะจนศีรษะโยกไปมา “ไม่นะ...”
เฉินถิงเซียวก้มหน้าลง พลางขบเม้มบนริมฝีปากของเธอราวกับเป็นการความโกรธออกมา
เขาไม่สามารถควบคุมพละกำลังได้มากนัก จนมู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเจ็บขึ้นมาเล็กน้อยจนต้องสะบัดออก เฉินถิงเซียวราวกับไม่คิดจะยอมปล่อยออก แถมยังรัดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม และจูบอย่างลึกล้ำอย่างแข็งข้อขึ้นเรื่อย ๆ
ความรู้สึกของมู่น่อนน่อนรู้สึกไม่ดีเลย เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวจูบราวกับขโมยจูบ มันทั้งเร่งร้อนและโหดร้าย
ตอนที่เขายอมปล่อยตัวนั้น ริมฝีปากของเธอทั้งบวมแดงแจ๋
มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไปดึงปีกหมวกแก๊ปของเขาลงเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ เพื่อเป็นการปกปิดใบหน้าของเขาทั้งหมด “หึ!”
เธอถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็กลับมานั่งลงตรงตำแหน่งคนขับรถ และก็มุ่งหน้าขับออกไป
พอมู่น่อนน่อนเริ่มขับรถ เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ทำตัวรุ่มร่ามอีกเลย
……
มู่น่อนน่อนขับรถกลับมายังที่พักอาศัยของเธอทันที
เธอให้เฉินถิงเซียวเข้าบ้านไปก่อน จากนั้นก็หยิบรองเท้าแตะคู่หนึ่งที่อยู่ในตู้รองเท้าให้กับเขา “เปลี่ยนเองนะ”
จากนั้นเธอก็หันตัวกลับไปเพื่อต้องการปิดประตู เวลานั้นเองบริเวณก็ถูกรัดไว้แน่น และรู้สึกถึงแผ่นอกกำยำของชายหนุ่มที่แนบชิดเข้าหา อิงแอบแนบติดกับแผ่นหลังของเธอ
ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเข้าประตูมายังไม่ทันได้เปิดแอร์เลย ในห้องก็ร้อนอยู่แล้ว พอมาเจอเฉินถิงเซียวมากอดแบบนี้เข้า มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าร่างกายทั้งตัวมันร้อนดั่งไฟเผา
มู่น่อนน่อนพยายามแกะมือของเฉินถิงเซียวที่บริเวณเอวของเธอออก แต่มันก็ไม่สำเร็จ ทำได้แค่พูดไปอย่างเบื่อหน่าย “เฉินถิงเซียว คุณปล่อยฉันก่อน ฉันจะไปเปิดแอร์”
เฉินถิงเซียวได้ยินแต่ก็ยอมปล่อยเธอออก แต่พอเธอพลิกตัวหันกลับมา ก็ถูกเฉินถิงเซียวกดตราตรึงกับบานประตูแทน
เขาก้มศีรษะลง จากนั้นก็จูบเธออีกครั้ง
แต่รู้สึกว่าความสูงของทั้งสองจะมีปัญหามากพอตัว พอก้มตัวลงมันเลยไม่ค่อยสบายตัว เขาเลยอุ้มมู่น่อนน่อนขึ้นมา เพื่อให้ระดับความสูงของทั้งสองคนเสมอภาคกัน
“คุณปล่อยฉันนะ! ร้อนจะตาย!” จะมีใครจะเหมือนกับเขาในลักษณะนี้
เฉินถิงเซียวขบริมฝีปากของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงแปร่งพร่า “ยังร้อนไม่พอ”
มู่น่อนน่อนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินถิงเซียวอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เวลาที่เฉินถิงเซียวดื้อรั้นหัวแข็งอยากจะทำอะไรขึ้นมา เธอก็แค่ทำตามน้ำไปเท่านั้นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...