เฉินถิงเซียวระมัดระวังตัวขนาดไหน มู่น่อนน่อนรู้ดีที่สุดแล้ว
ถ้าเธอยอมรับว่าเป็น “แฟนหนุ่มคนใหม่” ถึงเวลานั้นเฉินถิงเซียวต้องค้นเธอตาหลับตาเหลือกแน่
คำว่าแฟนหนุ่มกับ “แฟนหนุ่มคนใหม่” มันเหินห่างกันเห็นได้ชัด
มู่น่อนน่อนรับมือกับนักข่าวเสร็จแล้ว วันนี้ก็ไม่กล้าจะไปที่สตูดิโอ ซิตี้อีก ตอนที่โทรศัพท์หาฉินสุ่ยซานนั้น ฉินสุ่ยซานก็เอาข่าวมาหยอกเธอเล่นอีกครั้ง
“ข่าวดังที่พาดหัวข่าวเรื่องแกสองสามวันติด มันทำให้กองถ่ายของเราประหยัดค่าโฆษณาไปได้ไม่น้อยเลย”
มู่น่อนน่อนตอบกลับด้วยเมตตาจิต “เป็นแบบนี้ ถึงตอนนั้น 《เมืองพัง》ถ่ายออกมาแล้วโกยเงินเข้า หรือว่าแกจะแบ่งโบนัสพิเศษให้ฉันสักหน่อยดีไหม?”
ฉินสุ่ยซานตอบกลับอย่างไม่ถูกใจ “ละครยังถ่ายไม่จบเลย แกก็นึกถึงแต่เรื่องแบ่งเงินแล้วเหรอเนี่ย? นี่แกเห็นแก่เงินไปแล้วเหรอ? ”
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ใครกันที่ไม่ชอบเงิน ยิ่งเยอะมันยิ่งดีเลย”
เธอพูดคุยกับฉินสุ่ยซานไปด้วย และเดินไปยังลานจอดรถด้วย
เธอเพิ่งจะหารถตนเองเจอ จากนั้นก็กดปลดล็อก จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกคุ้นหูจากทางด้านหลัง “มู่น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนหันกลับมา ก็ห็นเฉินจิ่งหยุ้นที่ใส่ชุดสีขาวทั้งชุด
“เรียกฉันหรือคะ? มู่น่อนน่อนใช้นิ้วมือชี้มาที่ตนเอง”
เฉินจิ่งหยุ้นเผยอปากพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่ “ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่อีกไหมล่ะ?”
“มีธุระก็พูดมา ร้อนตับจะแตก ฉันรีบกลับบ้านอยู่นะ” มู่น่อนน่อนหมุนกุญแจรถอยู่ในมือ พลันเอนพิงกับรถยนต์ และใช้มือบังแสงแดดเอาไว้
สภาพอากาศสิ้นเดือนสิงหาคมมันร้อนมาก
“แม้ว่าแกหย่าขาดกับเฉินถิงเซียวแล้ว แต่แกก็เคยเป็นภรรยาของเฉินถิงเซียว รบกวนช่วยรักษาภาพพจน์หน่อย แกเสียหน้าก็เป็นเรื่องของแกไป อยากได้คิดที่อาศัยความดังของถิงเซียว และดึงเขาให้เสียหน้าไปด้วย”
เฉินจิ่งหยุ้นพูดจาอย่างเป็นจริงเป็นจน จนทำให้มู่น่อนน่อนเกือบจะเชื่อแล้วว่าเธอเป็นพี่สาวที่ดีที่รักน้องชายคนหนึ่ง
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลง ใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย และพูดอย่างเนิบนาบ “สิ่งที่คุณกำลังเป็นห่วงอยู่ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เฉินถิงเซียวต้องขายหน้า แต่คุณกลัวว่าจะส่งผลกระทบมายังชื่อเสียงของตระกูลเฉินด้วย จนส่งผลกระทบมาถึงตัวคุณเองด้วยล่ะมั้ง”
เฉินจิ่งหยุ้นรีบพูดตัดบทเธออย่างด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “แกหุบปากไปเลย เรื่องของพี่น้องอย่างพวกเรา ยังไม่ถึงขั้นที่คนอย่างแกจะเสนอหน้ามาพูด!”
มู่น่อนน่อนแสยะยิ้มให้ “เหรอ? งั้นเรื่องส่วนตัวของฉัน งั้นก็ยังไม่ถึงขึ้นที่คุณจะเสนอหน้ามาพูดได้เช่นกัน”
“ถ้าแกไม่ใช่มัวแต่คอยเกาะความดังของถิงเซียวอย่างน่ารังเกียจมาโดยตลอด แกคิดว่าฉันจะยินยอมมาสนใจว่าแกจะไปอยู่กับใคร ทำอะไรที่ไหนไหมล่ะ! ผู้หญิงที่ดี ก็ต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้บ้างถึงจะถูก”
สีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นดูหมิ่นจนเห็นได้อย่างชัดเจน
มู่น่อนน่อนไม่รู้สึกโมโหเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกขำขันมากกว่า
เธอรู้ถึงความหมายของเฉินจิ่งหยุ้นเป็นอย่างดี เฉินจิ่งหยุ้นที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าทุกครั้งที่เธอตกเป็นพาดหัวข่าวก็อาศัยความดังของเฉินถิงเซียวทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้ดันมาถูดถ่ายรูปในรถตอนที่กำลังจูบกันอีก จนทำให้เฉินถิงเซียวถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
เรื่องนี้ เธอเองก็ไม่เคยคิดเช่นเดียวกัน
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะยอมรับการสั่งสอนจากเฉินจิ่งหยุ้นนะ
“คุณคิดว่าคุณเป็นแม่ฉันเหรอไง? ที่ฉันทำอะไรก็แล้วแต่ต้องให้คนอย่างคุณมาคอยสั่งสอนอยู่เสมอ? ส่วนเรื่องที่ฉันไปเกาะชื่อเสียงของเฉินถิงเซียวหรือเปล่า เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องเขาก็มาหาฉันเอง เขาจำเป็นต้องให้คุณช่วยออกหน้าจัดการปัญหานี้แทนเขาเลยหรือไง?”
เห็นกับว่าสีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นดูย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ การแสดงออกทางสีหน้าที่ไม่แยแสของมู่น่อนน่อนรีบเก็บอาการทันที และพูดอย่างจริงจังเล็กน้อย “ฉันเข้าใจดีว่าคุณเห็นแก่ตัว และเข้าใจดีว่าคุณชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ถ้าคุณยังคิดว่าตัวเองเป็นพี่สาวของเฉินถิงเซียวจริงๆ คุณก็ไปเป็นห่วงเฉินถิงเซียวให้เยอะๆ สักหน่อย”
แม้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นเฉินถิงเซียวจะเป็นฝาแฝดกัน แต่ความสายสัมพันธ์กลับไม่ดีเอาซะเลย
คดีถูกลักพาตัวในตอนเด็ก เฉินถิงเซียวเห็นกับตาว่าแม่ของเขาถูกข่มเหงต่อหน้าต่อตา ก่อนที่คนจะเข้ามาช่วยก็ฆ่าตัวตายไปในชั่ววินาทีนั้น หลังจากนั้นแล้ว พี่สาวฝาแฝดของเขาแท้ๆ แต่กลับไม่เคยปลอบใจเขาเลยสักครั้ง แต่กลับรังเกียจเขาแทน เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่นิสัยแปลกประหลาด
เฉินถิงเซียวไม่พูดถึงรายละเอียดอย่างนี้กับเธอ มู่น่อนน่อนเองก็แค่คาดเดาจากคำพูดที่เขาพูดออกมาเท่านั้นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...