“อ่อ...” เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยสีหน้าเข้าใจขึ้นมาในทันที อันดับแรกคือรูปภาพใบนั้นมีสิ่งที่ทำให้เข้าใจผิดมากเกินไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อคำพูดของเขา
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็หันหน้าไปให้คำแนะนำอย่างจริงใจกับมู่น่อนน่อน “แม่หนูน้อย ระหว่างคู่รัก การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ พวกเราก็ยุ่งมาก คุณรู้ไหมว่าการที่คุณทำแบบนี้มันสิ้นเปลืองกำลังตำรวจ?”
มู่น่อนน่อนไม่อยากจะเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชื่อคำพูดของลี่จิ่วเชียน เธอโบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะคะ คุณตำรวจ คุณฟังฉันก่อน...”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บสมุดบันทึก “เวลาก็ไม่เช้าแล้ว รีบกลับไปเถอะ หลังจากนี้หากพบเจอปัญหาอะไร ค่อยมาหาพวกเรานะ รีบกลับไปเถอะ”
“ฉัน...” มู่น่อนน่อนยังอยากจะพูดอะไร แต่ก็ถูกลี่จิ่วเชียนดึงให้ลุกขึ้น
หลังจากนั้น ลี่จิ่วเชียนก็เอ่ยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สร้างความเดือดร้อนให้กับพวกคุณแล้ว”
“คนไม่มีเรื่องก็ดี ดูแลแฟนสาวของคุณให้ดี ครั้งหน้าไม่สามารถทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้ได้อีก” เจ้าหน้าที่ตำรวจเอ่ยจบแล้ว ก็กล่าวต่อว่า “ทางด้านทีมตำรวจสืบสวนรอให้คุณลี่มารายงานตัวเพื่อเริ่มงานนานแล้ว”
ลี่จิ่วเชียนเอ่ยอย่างคล้อยตามว่า “พรุ่งนี้ผมจะไปรายงานตัว ขอบคุณครับ”
มู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างๆยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ก็ถูกลี่จิ่วเชียนลากออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว
เธอสะบัดมือของลี่จิ่วเชียนไม่หลุด
มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “คุณเป็นใครกันแน่?”
“ลี่จิ่วเชียน จบการศึกษาปริญญาเอกสาขาอาชญาวิทยาจากต่างประเทศ ได้รับเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาของทีมตำรวจสืบสวนแห่งเมืองหู้หยาง”
คราวนี้น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของเขาค่อนข้างจริงจัง แต่มู่น่อนน่อนยังคงชักสีหน้าใส่เขา
“อ่อ? ได้รับเชิญให้กลับมาทำงานเป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาในประเทศ ก็สามารถแอบเข้าไปอาบน้ำในบ้านและแตะต้องของของคนอื่นได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือคะ”
“อย่าถือสาขนาดนั้นเลย อย่างมากผมก็ให้คุณขยับเขยื้อนของของผมบ้าง”
“เหอะ!” มู่น่อนน่อนหัวเราะเสียงเย็นแล้วหันหน้าเดินจากไป
เธอเข้าใจขึ้นมากะทันหันบ้างแล้วว่า บางครั้งที่เฉินถิงเซียวถูกตัวเองทำให้โมโหจนเพียงแค่อยากจะยิ้มเยาะนั้นมีความรู้สึกอย่างไร
เธอเดินอยู่ด้านหน้า ลี่จิ่วเชียนก็เดินตามอยู่ด้านหลัง
เขาตัวสูงขายาวจึงก้าวเท้าได้ยาว มู่น่อนน่อนเดินเร็วมาก แต่เขากลับเดินสบายๆ “แตะต้องของของคุณนั้นเป็นผมที่ผิดเอง นั่นก็เป็นเพราะว่าผมคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน ใช่ไหมครับ?”
“ฉันไม่มีเพื่อนแบบคุณ”
“อย่าพูดจาเด็ดขาดขนาดนี้สิครับ”
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับมาทันที ลี่จิ่วเชียนก็หยุดเท้าทันที “อะไรหรือ จู่ๆก็คิดอยากจะเป็นเพื่อนกับผมแล้ว?”
มู่น่อนน่อนแบมือตรงหน้าเขา “โทรศัพท์มือถือ ถ้าไม่ให้ฉันล่ะก็ พวกเราสามารถเข้าไปที่สถานีตำรวจได้อีกรอบในทันที”
“ให้คุณ” ลี่จิ่วเชียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาคืนเธอ
มู่น่อนน่อนรับมาแล้วดูโมเม้นท์ในวีแชท ยืนยันว่าเขาไม่ได้ส่งรูปภาพใบนั้นออกไป ก็ไปดูที่อัลบั้ม เมื่อลบรูปใบนั้นเรียบร้อยแล้วก็หมุนตัวเดินหน้าต่อไป
ลี่จิ่วเชียนเดินตามมาติดหนึบราวกับขนมหนิวผีถัง “ผมเพิ่งจะกลับประเทศ ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและผู้คน ในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนก็ควรจะต้อนรับผมสักหน่อยใช่หรือไม่”
มู่น่อนน่อนไม่สนใจเขา แต่เดินตรงเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง ลี่จิ่วเชียนก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่มู่น่อนน่อนทำการเช็คอินก็เอ่ยกับพนักงานต้อนรับว่า “ฉันไม่รู้จักคนคนนี้ เขาตามฉันมาตลอดทาง”
พนักงานต้อนรับมองไปทางลี่จิ่วเชียน เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อว่าคนที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาตรงไปตรงมาเช่นเขาจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
แต่เพื่อเป็นการป้องกันเรื่องที่จะเกิด พนักงานต้อนรับก็ยังคงให้พนักงานรักษาความปลอดภัยขวางลี่จิ่วเชียนเอาไว้
มู่น่อนน่อนหยิบคีย์การ์ดห้องแล้วหันไปมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็รูดการ์ดเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสาร
ลี่จิ่วเชียนเห็นเธอเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสารแล้วถึงได้เผยสีหน้าท่าทางกลัดกลุ้มออกมาต่อหน้าพนักงานต้อนรับ “เธอเป็นแฟนสาวของผม เราทะเลาะกัน โรงแรมของพวกคุณก็อยู่ห่างจากสถานีตำรวจไม่ไกล ถ้าหากว่าผมเป็นคนแบบนั้น เธอคงจะแจ้งตำรวจไปนานแล้ว”
พนักงานต้อนรับครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเป็นเหตุผลนี้ สีหน้าจึงอ่อนลงเช่นกัน
ลี่จิ่วเชียนเห็นเหตุการณ์แล้ว นัยน์ตาก็มีประกายมืดมนพาดผ่านไป แต่ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ช่วยเปิดห้องให้ผมหน่อย ขอเป็นห้องที่อยู่ตรงข้ามกับแฟนสาวของผม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...