ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 372

สีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอกลับไม่รู้เรื่องนี้เลย

ซึ่งแผนการที่เธอกับซูเหมียนได้วางแผนเอาไว้ ถึงอย่างไรตอนนี้เฉินถิงเซียวก็จดจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เลยจัดการโกหกมาโดยตลอด ให้เขาได้นึกว่ามารดาผู้ให้กำเนิดเฉินมู่ก็คือซูเหมียน

อาศัยว่าเธอคอยช่วยเหลือซูเหมียน ซึ่งซูเหมียนเองก็ไม่จำเป็นต้องลงมืออะไรกับเฉินมู่เลยด้วยซ้ำ

“ซูเหมียนเธอคงประมาทเลินเล่อจนไม่ทันระวังในเวลานั้น...อีกอย่างตอนนี้มู่มู่ก็ถูกแกพาตัวกลับมาบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันก็ดูแล้วเธอก็สุขสบายดีอยู่นี่...”

เรื่องนี้สรุปว่าซูเหมียนเหตุผลไม่เพียงพอ แม้ว่าสัญชาตญาณของเฉินจิ่งหยุ้นอยากจะออกตัวพูดแทนซูเหมียน ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เธอก็เห็นสีหน้าอันเย็นชาของเฉินถิงเซียว ทำได้แค่หยุดปากพูดทันที

เวลานี้เอง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเฉินจิ่งหยุ้นก็ดังขึ้นมา

“จิ่งหยุ้น มู่มู่กลับถึงบ้านแล้วใช่ไหม? วันนี้ฉันพาเธอออกไป แต่เธอซนจนวิ่งหนีไปเอง ตอนนี้ฉันยังหาตัวเธอไม่เจอเลย...” ซูเหมียนยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็ร้องไห้ฟูมฟายสะอึกสะอื้นออกมา

เฉินจิ่งหยุ้นเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองเฉินถิงเซียว จากนั้นก็พูดกำชับอีกประโยค “กลับมาแล้วแหละ”

น้ำเสียงของซูเหมียนแสดงความดีใจออกมาอย่างไม่มีการปิดบังเลย “จริงเหรอ? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”

เฉินจิ่งหยุ้นวางสายโทรศัพท์ หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ถึงได้พูดกับเฉินถิงเซียว “มีอะไรก็พูดกันต่อหน้าเลยดีกว่า อีกเดี๋ยวซูเหมียนจะมาถึงแล้ว เธอเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของมู่มู่ เกิดเรื่องแบบนี้เข้าในใจของเธอเองก็คงรับสภาพไม่ไหวเช่นกัน...”

เฉินถิงเซียวได้แต่ทำหน้าไร้ความรู้สึกตอนที่ชำเลืองมองมาเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ซูเหมียนมาถึงเร็วมาก

ดูเหมือนว่าเธอจะอายมาก เพราะว่าเสื้อผ้าหน้าผมต่างเปียกปอนไปทั่วทั้งตัว เครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าก็เยิ้มลงมา อาการใบหน้าซีดเผือดยิ่งให้เฉินจิ่งหยุ้นสงสารจับใจ

เพราะว่าเธอกับซูเหมียนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี เมื่อเห็นท่าทางของซูเหมียนเป็นแบบนี้ จึงรีบสั่งการคนรับใช้ทันที “รีบไปชงชาร้อนๆ มาเร็ว เอาผ้าขนหนูมาด้วย”

“ไม่ต้องหรอก” ซูเหมียนได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างกระวนกระวายใจ ช่วงที่มองเฉินถิงเซียว ดวงตาทอประกายออกมา จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินไปหาเขาทันที

เธอยื่นมือออกไปเพื่อต้องการสัมผัสมือของเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวกับก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวเพื่อเป็นการหลบ

“ถิงเซียว หาตัวมู่มู่เจอแล้วใช่ไหม? ฉันไม่ดีเอง...ฉันประมาทเลินเล่อไป ...” ซูเหมียนพูดไป เบ้าตาก็แดงรื้นขึ้นมา

ในเบ้าตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แต่เธอก็ยังคงอดกลั้นไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา ท่าทางที่แสนเจ็บปวดทรมานดูแล้วมันมาจากความรู้สึกจริงใจอันลึกซึ้ง

เฉินถิงเซียวจ้องมองเธอด้วยสายแข็งกร้าว แววตาช่างคมกริบเชือดเฉือนเปี่ยมล้น

การที่ถูกดวงตาดำขลับของเขาจับจ้องอยู่ จนซูเหมียนมีความรู้สึกว่าตนเองถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งไปแล้ว

เธอกะพริบตา ราวกับน้ำตาขาดตอนจนหยดเป็นเม็ดไหลลงมา “ถิงเซียว มู่มู่อยู่ที่ไหน? ฉันอยากเจอหน้าเธอ”

ความหนาวเหน็บในแววตาของเฉินถิงเซียวยิ่งหนักข้อขึ้นกว่าเดิม พลันมีน้ำเสียงอันแสนเย็นยะเยือกหลุดโพล่งออกมา “คุณคู่ควรพอไหม?”

ซูเหมียนหน้าถอดสีทันที “ถิงเซียว คุณ...ไม่ยอมให้อภัยฉันใช่ไหม?”

จู่ ๆ เฉินถิงเซียวยกมือขึ้น และกวักไปทางบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลัง

วินาที่ต่อมา บอดี้การ์ดก็ยื่นเช็คมาหนึ่งใบพร้อมกับปากกามาให้ทันที

เฉินถิงเซียวรับปากกาเอาไว้ จากนั้นก็เขียนตัวเลขอันยาวเหยียดลงบนเช็คใบนั้น จากนั้นก็เขวี้ยงให้ซูเหมียน “ต่อไปเฉินมู่กับคุณไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ ทั้งสิ้น และรบกวนคุณอย่าได้เข้ามาที่ตระกูลเฉินอีกเลย”

เช็คที่ลอยละล่องจนกระทบลงบนตัวของซูเหมียน จากนั้นก็หล่นลงไปกองกับพื้น

ซูเหมียนไม่อยากจะเชื่อกับการมองเช็คที่หล่นไปกองที่พื้น เธอไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะไร้เยื่อใยถึงขั้นนี้

ไม่ ไหนแต่ไร้ความปรานี

นี่หมายความชัดว่ากำลังดูหมิ่นเธออยู่

เธอลงทุนลงแรงที่อยากจะแต่งงานกับเฉินถิงเซียว ที่หวังเอาไว้ไม่ใช่เงินเหรอไง?

เธอเองก็ไม่ได้ขาดเงินสักนิด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม