เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงไปเล็กน้อย ในดวงตาได้เผยรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจออกมา “ความหมายโดยผิวเผินของคำนี้ฟังไม่เข้าใจ?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม มีความรู้สึกที่ทั้งหมดกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เธอเชิดคางขึ้นมาเล็กน้อย การยอมจำนนนั้นที่อยู่ในน้ำเสียงได้หายไปตั้งนานแล้วเหมือนกัน
เธอมองเฉินถิงเซียวไปนิ่งๆ น้ำเสียงเย็นชาออกมาเล็กน้อย “อะไรที่เรียกว่าคบคนโน้นคนนี้ไปทั่ว?”
“อย่างเช่น ลี่จิ่วเชียน” ความเร็วในการพูดของเฉินถิงเซียวได้ผ่อนช้าลงไปเล็กน้อย แต่ฟังไปแล้วกลับอันตรายยิ่งขึ้น
มู่น่อนน่อนโกรธมากแต่กลับยิ้มออกมา พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยออกมา “แล้วซูเหมียนล่ะ? ซูเหมียนจะเป็นอะไรอีก?”
“ดังนั้นคุณก็เลยยอมรับแล้ว?”
“ยอมรับอะไร?”
“ลี่จิ่วเชียน”
คำพูดที่ทั้งสองคนพูดมาได้อ้อมไปอ้อมมา แล้วก็อ้อมไปที่ตัวของลี่จิ่วเชียนอีกที
“เฉินถิงเซียว พวกเราทั้งสองคนตอนนี้นอกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพ่อแม่ของมู่มู่แล้ว ระหว่างพวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ถูกกฎหมายยอมรับ” มู่น่อนน่อนพยายามพูดคุยกับเฉินถิงเซียวด้วยเหตุผล “ตอนนี้ฉันอยู่ด้วยกันกับพวกคุณ บางเรื่องไม่ต้องให้คุณพูด ฉันก็รู้อยู่แล้ว แต่คุณ...”
เฉินถิงเซียวดูเหมือนว่าจะไม่มีความคิดที่จะพูดคุยอะไรกับเธอให้มากมายอีก จึงตัดคำพูดของเธอไปโดยทันที “เข้าใจแล้วก็ดี”
“คุณช่วยให้ฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย?” มู่น่อนน่อนดิ้นออกมาด้วยความหงุดหงิดอยู่แป๊บนึง แล้วก็ได้สลัดออกมาได้อย่างง่ายดาย
ใบหน้าของเธอได้เงยหน้ามองไปยังเฉินถิงเซียวด้วยความประหลาดใจ
มือทั้งสองข้างของเฉินถิงเซียวเก็บเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง พิงเข้ากับขอบโต๊ะหนังสือไปด้วยท่าทางที่ดูเนือยๆ พลางเอ่ยออกมานิ่งๆว่า “ผมจะฟังก็แต่คำพูดที่มีประโยชน์เท่านั้น อย่างนี้แล้วมันก็จะประหยัดเวลาของทั้งสองฝ่ายด้วย”
มู่น่อนน่อนย้อนถามกลับออกไป “เวลาของคุณคือเวลา แล้วของฉันมันไม่ใช่?”
“ถ้าคุณคิดว่าเวลาของตัวเองมันมีค่ามาก ตอนนี้คุณก็ควรจะกลับไปนอนได้แล้ว” เฉินถิงเซียวเอี้ยวหน้าไปมองเธอ สีหน้าไม่แยแสมองไปแล้วกลับดูมีสีหน้าที่ไม่มีความผิดปรากฏออกมาอีกด้วย
เฉินถิงเซียวนี่ไม่มีเหตุผลสักนิดนึงเลย
ในทางตรงกันข้ามกันมู่น่อนน่อนก็ดันหาคำที่จะมาหักล้างออกไปไม่ได้เสียอย่างนั้น
หางตาชำเลืองไปเห็นกาแฟที่ตนเพิ่งจะวางลงไปบนโต๊ะทำงานเมื่อกี้นี้ แล้วเธอก็มองไปทางเฉินถิงเซียว พลางยื่นมือไปยกกาแฟแก้วนั้นขึ้นมา แล้วกระดกดื่มไปจนหมดในรวดเดียว
กาแฟขมนิดหน่อย ยังไม่ทันได้เพิ่มนมเพิ่มน้ำตาลลงไป ขมจนภายในลำคอของเธอมันมีรสฝาดไปหมด
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากข่มกลั้นรสชาติขมฝาดนั้นเอาไว้ เอาแก้วกาแฟที่ว่างเปล่าวางลงบนโต๊ะหนังสือไปเสียงดัง “ปัง” แล้วมองไปทางเฉินถิงเซียวอย่างท้าทาย “ฉันไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
เฉินถิงเซียวมองเธอเดินออกไปด้วยสีหน้าที่มืดครึ้ม แล้วถึงจะก้มลงมองแก้วกาแฟที่ว่างเปล่าใบนั้น เขายื่นนิ้วมือออกไป นิ้วมือแตะเบาๆไปบนที่จับของแก้วกาแฟไปสองที มุมปากก็ได้แสยะยิ้มออกมาทันที
เมื่อกี้ เธอโกรธแล้ว?
แต่ว่าวิธีการแก้แค้นของเธอมันช่างเบามากจริงๆเลย เขาไม่มีแม้แต่ความรู้สึกที่โดนแก้แค้นมาเลยสักนิดเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าจะน่าสนใจอยู่บ้าง
มู่น่อนน่อนกลับมาที่ห้องด้วยอารมณ์โกรธที่ปะทุออกมา
เธอปิดประตูลง ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด แล้วไปที่ข้างๆเตียงเพื่อไปดูเฉินมู่ก่อนสักหน่อย
พบว่าเฉินมู่นอนหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม เธอจึงลุกขึ้นเข้าห้องอาบน้ำไป
ยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือ เธอยื่นมือออกไปแตะที่มุมปากของตัวเองไปเบาๆ ตรงนั้นเหมือนราวกับว่าจะยังมีความร้อนของจูบเมื่อกี้นี้หลงเหลืออยู่
คิดไม่ตกเลยว่าเฉินถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ และคิดจะทำอะไรอีกกัน
แต่ท่าทางที่หยิ่งทะนงของเขา ก็ชวนให้เกลียดพอแล้ว
มู่น่อนน่อนออกจากห้องอาบน้ำมา แต่ก็ไม่ได้นอนลงไปบนเตียงโดยทันที
เธอหยิบโทรศัพท์ไปขลุกอยู่ที่ในโซฟา ส่งวีแชทไปหาเสิ่นเหลียง “เธอแน่ใจนะว่าเมื่อก่อนฉันรักกับเฉินถิงเซียวจริงๆใช่มั้ย?”
เสิ่นเหลียงก็คงกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่พอดี เพียงไม่นานเธอก็ได้ตอบกลับมา “แน่ใจสิ”
มู่น่อนน่อนเหมือนกับว่าในที่สุดก็เจอช่องทางระบายอารมณ์ออกไปแล้วก็ไม่ปาน จากนั้นก็เริ่มบ่นกับเสิ่นเหลียงออกไป “แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดว่าเขาน่าเกลียดมากเลย หยิ่งจนเหมือนกับพระราชา การพูดจาแทบจะสามารถทำให้คนอื่นเขาโมโหได้เลย...”
เสิ่นเหลียงเห็นเธอคุยออกมายาวเหยียดอย่างนั้นแล้ว ก็ได้ตอบกลับไปประโยคนึง “ยกตัวอย่างมาสักตัวอย่างนึง”
“นึกไม่ถึงว่าเขาจะให้ฉันอย่าออกไปคบคนโน้นคนนี้ก่อนที่เขาจะฟื้นความทรงจำกลับมา ฉันเหมือนกับเป็นคนนอกลู่นอกทางอย่างนั้นเหรอ? ฉันสามารถเข้าใจแรงจูงใจของคำพูดนี้ที่เขาพูดออกมาได้อยู่หรอก แต่ว่าเขาพูดมาอย่างนี้มันก็เกินไปหน่อยหรือเปล่า...”
เสิ่นเหลียงเอาคำพูดท่อนนี้ของมู่น่อนน่อนคิดวิเคราะห์ไปสองรอบซ้ำไปซ้ำมา แล้วเอ่ยออกไปอย่างคิดพิจารณาไปซ้ำๆ “ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกเหมือนถูกป้อนอาหารหมามาให้ชามหนึ่งขึ้นมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...