เฉินมู่กระโดดลงจากโซฟา แล้ววิ่งไปยังเฉินจิ่งหยุ้น
มู่น่อนน่อนมองอยู่ข้างๆ บนใบหน้าไม่ได้มีอารมณ์พิเศษอะไรเลย
เธอเพียงแค่มองสำรวจเฉินจิ่งหยุ้นไปหลายที แล้วก็ได้สั่งคนใช้ให้ไปเอาชามาเสิร์ฟ
ถึงแม้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะไม่ใช่แขกที่ได้เชิญมาเอง แต่นั่นก็ยังเป็นแขก
ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะไม่รู้ว่าทำไมเฉินจิ่งหยุ้นถึงได้เกลียดเธอ แต่เฉินมู่ก็เป็นคนแซ่เฉิน
มองออกว่าเฉินจิ่งหยุ้นเองก็มีความรู้สึกจริงๆต่อเฉินมู่อยู่บ้างเหมือนกัน เฉินจิ่งหยุ้นไม่ได้ปฏิบัติตัวไม่ดีต่อเฉินมู่ในขณะที่เกลียดเธออยู่เลย
ดังนั้นแล้ว เธอจึงไม่ขัดขวางเฉินมู่กับเฉินจิ่งหยุ้นที่จะใกล้ชิดกัน
เฉินมู่กระโดดลงจากโซฟา แล้วก็วิ่งเข้าไปหาเฉินจิ่งหยุ้น
เฉินจิ่งหยุ้นกอดเฉินมู่เข้ามาในอ้อมแขน แล้วจูบลงไปบนใบหน้าของเธอ “มู่มู่ คิดถึงป้าหรือเปล่า”
“คิดถึง”
เฉินจิ่งหยุ้นยิ้มแล้วอุ้มเธอขึ้นมา พูดคุยกับเธอ
ตอนนี้คนใช้ได้ยกชาเข้ามา “คุณหนูเฉิน เชิญดื่มชาค่ะ”
เฉินจิ่งหยุ้นวางเฉินมู่ลงไปข้างๆ เลิกตาขึ้นมองไปทางมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงไป ได้เผชิญเข้ากับสายตาของเฉินจิ่งหยุ้นไปตรงๆ
สายตาของทั้งสองคนได้บรรจบกันที่กลางอากาศ มู่น่อนน่อนไม่มีความขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เฉินจิ่งหยุ้นแสยะยิ้มเย็นออกมา
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ส่งแท็บเล็ตที่อยู่ในมือไปให้คนใช้ “พามู่มู่ขึ้นไปเล่นข้างบน” เธอพูดจบ ก็ได้พูดกับเฉินมู่ไปอีกทีนึงว่า “แม่กับคุณป้ามีเรื่องต้องคุยกัน หนูขึ้นไปเล่นข้างบนก่อนแป๊บนึง อีกเดี๋ยวแม่จะขึ้นไปหา”
“อืม” เฉินมู่พยักหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วก็ได้ถูกคนใช้พาออกไป
พอเฉินมู่เดินออกไปแล้ว เฉินจิ่งหยุ้นก็ไม่ได้ปิดซ่อนออกมาอีก บนใบหน้าแสดงท่าทีเหยียดหยามออกมาอย่างไม่มีปิดบังเลยแม้แต่น้อย “มู่มู่ได้นิสัยถิงเซียวมา ใจกว้างเป็นมิตรกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็เข้าตาไปหมด”
เมื่อสามปีก่อนเธอไม่ชอบมู่น่อนน่อน สามปีต่อมาเธอก็ยังไม่ชอบมู่น่อนน่อนอยู่
“งั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนฉีกยิ้มมุมปากออกมา สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย “คุณหนูเฉินพูดอะไรฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ แต่ว่าฉันก็รู้ว่าระหว่างคุณหนูเฉินกับเฉินถิงเซียวมีความเข้าใจผิดกันอยู่ คุณไปหาเขาไม่ใช่ว่าก็จบแล้ว”
วันนั้นท่าทีที่เฉินถิงเซียวมีต่อเฉินจิ่งหยุ้น มู่น่อนน่อนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
สองพี่น้องคู่นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ลงรอยกัน
ตอนนี้เฉินถิงเซียวไม่ฟังคำพูดของเฉินจิ่งหยุ้นเลยสักนิด
เฉินจิ่งหยุ้นจำต้องมาหาเธอ
คนเราก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น มักจะชอบรังแกคนที่อ่อนแกกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่ากัน
เฉินจิ่งหยุ้นนึกว่าเธอจะอ่อนกว่าเฉินถิงเซียวได้เท่าไหร่กัน?
อันที่จริงเฉินจิ่งหยุ้นกับมู่น่อนน่อนก็ได้ติดต่อพูดคุยกันน้อยมากเลยด้วย ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้รู้จักมู่น่อนน่อนดีมากนัก
ได้ยินคำพูดที่ภายนอกฟังดูอ่อนโยนดีแต่ภายในใจกลับมาความคิดชั่วร้ายแฝงเอาไว้อยู่ของมู่น่อนน่อน เฉินจิ่งหยุ้นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยิ่งโกรธขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
“ระหว่างฉันกับถิงเซียวมีความเข้าใจผิดกัน นั่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอหรือไง?” เฉินจิ่งหยุ้นชำเลืองมองเธอไปอย่างเย็นชา แล้วก็ได้เพิ่มน้ำหนักของน้ำเสียงให้หนักขึ้น “คนฉลาด จะต้องรู้จักทำอะไรหรือพูดอะไรให้เหมาะสม ไม่ชวนให้คนอื่นเขาเกลียดกันสักหน่อย แล้วออกจากถิงเซียวไปเอง”
มู่น่อนน่อนนอนพิงเข้ากับโซฟา น้ำเสียงเนือยๆออกมา “คำพูดนี้คุณพูดกับเฉินถิงเซียวเองเถอะค่ะ”
“มู่น่อนน่อน!” เฉินจิ่งหยุ้นโกรธจนลุกยืนขึ้นจากบนโซฟาทันที “แกอย่ามาทำเป็นพูดดีๆแล้วไม่ยอมทำตาม แล้วต้องให้ใช้กำลังมาบังคับนะ”
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แสร้งทำเป็นเอ่ยออกไปด้วยความสงสัย “เรื่องที่คุณหนูเฉินมาที่บ้านวันนี้ เฉินถิงเซียวไม่ได้รู้เรื่องเลยใช่มั้ยคะ?”
สองพี่น้องแห่งตระกูลเฉินคู่นี้ถึงแม้ว่าจะไม่ลงรอยกัน แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่
อธิเช่นต่างก็ชอบสั่งคนอื่นด้วยกันทั้งคู่
เหมือนกับคนอื่นเขาควรจะถูกพวกเขาควบคุม เชื่อฟังคำพูดของพวกเขากันทั้งนั้น
ก้นบึ้งภายในใจของมู่น่อนน่อนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ภายนอกยังคงรักษารอยยิ้มสงบนิ่งเอาไว้อยู่
เฉินจิ่งหยุ้นจ้องมองเธอไปด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ “แกให้คนไปแจ้งถิงเซียว?”
“ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าคุณหนูเฉินคุณเป็นพี่สาวแท้ๆของเขา คุณมาที่บ้าน แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องแจ้งเฉินถิงเซียวกันอยู่แล้ว” อันที่จริงเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนพวกนั้นจะแจ้งเฉินถิงเซียวไปหรือเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...