รอจนตอนที่เฉินถิงเซียวได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่ห้องทำงาน ก็เป็นเรื่องหลังจากสี่สิบนาทีไปแล้ว
ในระหว่างนั้นเฉินจิ่งหยุ้นได้โทรไปหาเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวก็ไม่รับสาย
พอเฉินถิงเซียวเข้ามา เฉินจิ่งหยุ้นก็เดินเข้าไปตรงหน้าเขาแล้วถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “นายไปไหนมา?”
“ประชุม” เฉินถิงเซียวเดินอ้อมเธอไป เดินตรงเข้าไปด้านหลังโต๊ะทำงาน
เฉินจิ่งหยุ้นกลอกสายตาไป พลางเอ่ยถามเป็นเชิงหยั่งเชิงออกไป “เมื่อกี้นายเพียงแค่ไปประชุม?”
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธอ สีหน้ามองไปแล้วก็ดูคาดเดาไม่ได้อยู่บ้าง “มีธุระอะไรก็ว่ามา”
เฉินจิ่งหยุ้นเองก็ไม่ได้เคลือบแคลงใจขึ้นมาเช่นกัน ในความคิดของเธอเฉินถิงเซียวตลอดมานี้ ก็มีท่าทางที่คาดเดาไม่ถูกอย่างนี้เสมอ เธอชินแล้ว
เธอก้าวเท้าเดินเข้าไปตรงหน้าโต๊ะทำงานของเฉินถิงเซียว “ฉันไม่ได้เจอมู่มู่มาหลายวันมากแล้ว คิดถึงเธอขึ้นมานิดหน่อย วันนี้เลยไปที่บ้านนายมาเที่ยวนึง มีบางอย่างที่อยากให้นายฟังดูสักหน่อย”
พูดไปแล้ว เธอก็หยิบปากกาบันทึกเสียงด้ามหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า ในขณะเดียวกันที่วางลงไปตรงหน้าเฉินถิงเซียวก็ได้กดเล่นไปด้วย
ในบันทึกเสียงได้มีเสียงรบกวนดังขึ้นมาอยู่สักพักนึงก่อน จากนั้นก็มีเสียงบทสนทนาของผู้หญิงสองคนดังขึ้นมา
“แกอยู่ข้างๆถิงเซียว ไม่ใช่ว่าหวังที่จะเอาอำนาจและเงินของเขาหรือไง? แกต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอมไปจากเขา?”
“ในเมื่อฉันหวังที่จะได้อำนาจและเงินของเขา แล้วจะออกไปจากเขาเพียงเพราะว่าคุณเอาเงินมาให้แค่ไม่กี่ตังค์ได้ยังไงกันล่ะ? อยู่ข้างๆเขาเป็นแม่ของลูกเขาไปไม่ใช่ว่ามันดูมีอนาคตที่ก้าวไกลกว่าอีกไม่ใช่หรือไง?”
“แต่ว่า คุณคิดจะใช้เงินเท่าไหร่มาทำให้ฉันออกไปจากเฉินถิงเซียว? ถ้าจำนวนมันถูกใจฉัน ฉันจะลองพิจารณาดูสักหน่อยก็ได้”
เสียงของผู้หญิงสองคนนี้ได้แบ่งแยกเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นใคร เฉินจิ่งหยุ้นรู้ว่าเฉินถิงเซียวสามารถฟังออกได้
เธอปิดบันทึกเสียงไป พลางถามเสียงเข้มออกไป “ถิงเซียว นายก็ได้ยินแล้ว นี่เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของมู่น่อนน่อน ขอเพียงแค่ฉันจ่ายเงินออกไปสักหน่อย หล่อนก็สามารถออกไปจากนายได้แล้ว ผู้หญิงอย่างนี้ เป็นผู้หญิงแบบที่นายต้องการเหรอ?”
ในความคิดของเฉินจิ่งหยุ้น ผู้ชายคนหนึ่งได้ยินผู้หญิงพูดคำพูดจำพวกนี้ออกมา ภายในใจก็จะเกิดความรู้สึกเกลียดชังกันทั้งนั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินถิงเซียวที่เป็นประธานของบริษัทเฉินซื่อเลย มีอำนาจการตัดสินใจที่สูงที่สุดในบริษัทเฉินซื่อ
ผู้ชายอย่างนี้ จะไปทนไหวได้ยังไง ผู้หญิงของตัวเองเพียงแค่ชอบทรัพย์สมบัติและอำนาจของตัวเองเท่านั้น
เฉินจิ่งหยุ้นคิดคำนวณผลได้ผลเสียทุกอย่างอยู่ในใจเอาไว้เสียดิบดี แต่ว่าเธอก็ลืมไปว่าแต่ไหนแต่ไรมาเฉินถิงเซียวไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเธอเลย
เดิมทีแล้วเธอนึกว่าหลังจากที่เฉินถิงเซียวได้ฟังบันทึกเสียงแล้ว จะต้องเกิดความรังเกียจต่อมู่น่อนน่อนขึ้นมาอย่างแน่นอน
แต่เฉินถิงเซียวเพียงแค่ถามออกมาประโยคนึงเท่านั้น “เธอคิดจะจ่ายเงินออกไปเท่าไหร่ เพื่อทำให้มู่น่อนน่อนออกไปจากฉัน?”
มองออกว่าเฉินจิ่งหยุ้นไม่ได้รู้เรื่องที่มู่น่อนน่อนได้สูญเสียความทรงจำไปแล้วเลย
สีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ถิงเซียว นายหมายความว่าอะไร?”
บนใบหน้าของเฉินถิงเซียวยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่เฉินจิ่งหยุ้นกลับรู้สึกอันตรายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ถ้าคำถามนี้เธอตอบไม่ดี ก็คงมีเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่ารอเธออยู่
เฉินถิงเซียวแสยะริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ตรงระหว่างคิ้วกับดวงตาต่างก็เผยความเยือกเย็นออกมา “ฉันถามเธอก่อน เธอก็ตอบคำถามฉันก่อน”
“ฉันก็แค่หลอกหล่อนดูเท่านั้นเอง นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะข่มอามณ์เอาไว้ไม่อยู่ขนาดนี้” เฉินจิ่งหยุ้นในตอนนี้ก็ได้ปล่อยความหัวหมอออกไปอีก ไม่กล้าตอบคำถามเขาไปตรงๆ
เสียงของเฉินถิงเซียวจู่ๆก็ผ่อนเบาลงหลายส่วน “เธอไม่ชอบมู่น่อนน่อน นี่คือเหตุผลที่เมื่อตอนนั้นที่เกาะเกิดการระเบิดขึ้นมา เธอเลยไม่ได้ให้ทีมค้นหากู้ภัยช่วยเธอ ใช่มั้ย?”
“เมื่อตอนนั้นฉันเพียงแค่กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนายเท่านั้นเอง เมื่อตอนนั้นนายบาดเจ็บสาหัสมาก นายเป็นน้องชายแท้ๆของฉัน แน่นอนว่าฉันจะต้องสนใจนายก่อนอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตอนนั้นพวกกู้จือหยั่นไม่ใช่ว่าไปช่วยมู่น่อนน่อนกันแล้วหรือไง ตอนนี้หล่อนก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอ?”
เดิมทีแล้วเฉินจิ่งหยุ้นก็ยังมีความร้อนตัวกลัวความผิดอยู่บ้าง แต่พูดถึงตอนท้ายแล้ว เธอก็ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รู้สึกร้อนตัวกลัวความผิดขึ้นมาเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลมากเลย
จู่ๆเฉินถิงเซียวก็ยิ้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมันเย็นยะเยือกเหมือนกับสีหน้าที่แสดงออกมาของเขาเลย
“แต่เมื่อก่อนหน้านี้เธอก็เคยบอกไม่ใช่หรือไงว่าฉันกับกู้จือหยั่นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ในเมื่อไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว ทำไมเขาถึงต้องไปช่วยมู่น่อนน่อน?”
“มู่น่อนน่อนกับกู้จือหยั่นพวกเขามีความสัมพันธ์กันไง ความสัมพันธ์ของดาราคนนั้นกับมู่น่อนน่อนไม่ใช่ว่าดีมากเลยหรือไง?”
ก้นบึ้งภายในใจของเฉินจิ่งหยุ้นรู้สึกไม่สงบขึ้นมา แต่ก็อยากจะทำการสู้ครั้งสุดท้ายเผื่อจะโชคดีหลีกเลี่ยงความโชคร้ายไปได้อีกที
“เฉินจิ่งหยุ้น เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่” คำพูดนี้ของเฉินถิงเซียว พูดออกมาเป็นประโยคบอกเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...