ตอนที่กินข้าว เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
แต่มู่น่อนน่อนมักจะรู้สึกว่าวันนี้เฉินถิงเซียวแปลกๆไป
จนกระทั่งมาถึงตอนกลางคืน หลังจากที่มู่น่อนน่อนกล่อมเฉินมู่นอนหลับไปแล้วเดินออกมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวยืนอยู่ที่หน้าประตู
มู่น่อนน่อนไม่มีเตรียมรับมือมาก่อนชั่วขณะ ก็ได้ถูกทำให้ตื่นตกใจไปหมด
เธอสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วก็ได้มองไปทางเฉินถิงเซียวอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณยืนอยู่ที่นี่ไปทำไม?”
ใบหน้าเย็นชาออกมา แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงพูดออกไป เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไปอย่างนี้ และไม่รู้ด้วยเหมือนกันว่าคิดจะทำอะไร
“ตามผมมา”
เฉินถิงเซียวทิ้งคำพูดสามคำนี้ออกมา แล้วผันร่างออกไป
มู่น่อนน่อนแสดงใบหน้างงงวยออกมา แต่ก็ยังเลือกที่จะตามไป
มาถึงห้องทำงานแล้ว เฉินถิงเซียวก็หยิบปากกาบันทึกเสียงด้ามหนึ่งออกมา
เฉินถิงเซียวกดปุ่มเล่นไปต่อหน้าเธอ
ปากกาบันทึกเสียงด้ามนี้ เป็นด้ามที่เฉินจิ่งหยุ้นเอาให้เฉินถิงเซียวฟังก่อนหน้านี้ด้ามนั้นนั่นเอง
ด้านในมีเสียงบทสนทนาที่คุ้นเคยดังออกมา
มู่น่อนน่อนนึกไม่ถึงว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะบันทึกเสียงเอาไว้ ถึงแม้ว่าวิธีมันจะอยู่ในระดับต่ำไปหน่อย แต่ด้วยนิสัยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ของเฉินถิงเซียวแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลังจากที่เขาได้ยินบันทึกเสียงจำพวกนี้ไปแล้วจะคิดอะไรขึ้นมาบ้าง
ตอนเที่ยงตอนที่เฉินถิงเซียวกลับมา มู่น่อนน่อนเธอทำให้เฉินจิ่งหยุ้นโกรธจนกลับไป เฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นึกว่าเรื่องนี้มันจะจบไปแล้วเสียอีก
แต่นึกไม่ถึงว่าเฉินถิงเซียวจะรอเธออยู่ที่ตรงนี้
เนื้อหาที่อยู่ในบันทึกเสียงได้เล่นจนจบไปแล้ว เฉินถิงเซียวกอดอก มองจ้องเธอไปอย่างสงบเยือกเย็น
เขาไม่พูดอะไรออกมา บนใบหน้าไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาด้วยเช่นกัน
มู่น่อนน่อนคาดเดาไม่ถูกว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก็ต้องมองจ้องไปไม่พูดอะไรออกมา
“จำนวนแบบไหนที่จะสมใจคุณ?” เฉินถิงเซียวเอ่ยถามออกไปด้วยความเย็นชา
มู่น่อนน่อนนึกคำพูดที่ตัวเองเคยพูดขึ้นมา พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก้าวเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ปลายรองเท้าของเขาได้ชนเข้ากับปลายรองเท้าของมู่น่อนน่อนเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป มู่น่อนน่อนสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกจากบนร่างของเฉินถิงเซียวได้เลย
เธออยากจะถอยออกไปข้างหลังสักก้าวหนึ่ง ท่ามกลางการจับตามองของเฉินถิงเซียว เท้าของเธอก็เหมือนกับเกิดรากขึ้นมาก็ไม่ปาน ไม่กล้าจะขยับไปเลยสักนิด
ดวงตาดำสนิทของเฉินถิงเซียวได้หรี่ลงอย่างอันตราย น้ำเสียงดังขึ้นมาที่บนหัวของเธอไปอย่างไม่หนักไม่เบา “เปลี่ยนมาพูดอีกอย่างนึง คุณคิดว่าผมมีค่าเท่าไหร่?”
มู่น่อนน่อนได้พูดออกไปด้วยสมองที่ปลอดโปร่งอย่างมาก “ไม่...ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย”
เพียงแต่ด้วยความประหม่า เสียงของเธอจึงพูดติดอ่างไปบ้าง
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย ราวกับคาดไม่ถึงอยู่บ้างว่ามู่น่อนน่อนจะพูดมาอย่างนี้
เห็นเฉินถิงเซียวเอาแต่ไม่พูดอะไรออกมา ภายในใจของมู่น่อนน่อนจึงอยู่ไม่สุขขึ้นมาบ้างอีกที
หรือว่าคำพูดของเธอมันปลอมจนเห็นได้ชัดเจนเกินไป เฉินถิงเซียวก็เลยไม่เชื่องั้นเหรอ?
แต่ว่า การกระทำต่อจากนั้นของเฉินถิงเซียว ได้ทำให้เธอหายสงสัยไป
จู่ๆเขาก็ยื่นมือไปแตะลงบนริมฝีปากของมู่น่อนน่อนไปเบาๆ แล้วใช้นิ้วลูบไล้
ในทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงที่เฉินถิงเซียวจงใจกดต่ำลง “พูดได้น่าฟังอย่างนี้ ปากจะต้องหวานมากแน่ๆ”
เสียงของเขาเดิมทีก็ทุ้มต่ำมากอยู่แล้ว ตอนที่จงใจกดต่ำออกมา ก็ยิ่งแสดงความเซ็กซี่ของผู้ชายที่สุกงอมเต็มที่แล้วเผยออกมามากขึ้น
มู่น่อนน่อนลำตัวแข็งค้างไป ปล่อยให้นิ้วมือของเฉินถิงเซียวกดลงบนริมฝีปากของเธอไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ประดับไปด้วยการกระทำเย้าหยอกออกมา แต่เฉินถิงเซียวทำออกมาแล้วมันกลับไม่ได้รู้สึกไม่จริงจังเลยสักนิดเดียว
มู่น่อนน่อนนิ่งอึ้งไปสิบกว่าวิเต็มๆ กว่าจะมีปฏิกิริยากลับมาในทันที ปัดมือของเฉินถิงเซียวมือออก ถอยออกไปข้างหลังก้าวหนึ่ง “คุณเฉิน ช่วยระวังสถานะของคุณด้วยนะคะ อย่ามาทำอย่างนี้อยู่เรื่อยสิคะ”
“อ้อ” เฉินถิงเซียวตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาได้ยินหรือไม่ได้ยินกันแน่ จากนั้นก็ได้อธิบายกับเขาออกไปต่อ “คำพูดพวกนั้นที่อยู่ในบันทึกเสียง เพียงแค่พูดไปเพื่อยั่วโมโหพี่สาวคุณเท่านั้นเอง คุณอย่าไปคิดจริงจังเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...