วันนั้นตอนที่เขาอยู่ในบ้านของมู่น่อนน่อน เขาก็เคยคุยกับมู่น่อนน่อนไปแล้ว มากที่สุดห้ามเกินห้าวัน
แต่เมื่อครู่นี้เธอพูดในโทรศัพท์ว่าอะไรนะ?
อีกสิบกว่าวันถึงจะกลับมา
เหอะ เธอไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย
สือเย่ไม่รู้เรื่องราวระหว่างนั้น เมื่อได้ยินคำพูดที่อยู่ดีๆ เฉินถิงเซียวก็พูดออกมา เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเขาเองก็ไม่กล้าจะเปิดปากพูดด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินถิงเซียวก็สุดลมหายใจเข้าและพูดว่า “ปล่อยข่าวออกไป คืนนี้จัดงานเลี้ยงที่โรงแรมจีนติ่ง”
สือเย่ตอบรับทันที “ครับ”
เฉินถิงเซียวแทบจะไม่เคยเป็นคนพูดว่าจะจัดงานเลี้ยงเลย จากสถานะของเขาแล้ว ถ้าเกิดว่ามีการจัดงานเลี้ยง ก็จะมีคนมากมายมาร่วมงาน
สือเย่สามารถนึกภาพออกแล้ว ในงานเลี้ยงคงจะคึกคักมาก
แต่ เมื่อครู่นี้คุณชายบอกว่าให้จัดงานเลี้ยงในคืนนี้?
สือเย่มองดูเวลาอย่างเงียบๆ
นี่ก็ 6 โมงเย็นแล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่โรงแรมจีนติ่งมีคนเยอะมาก ถ้าต้องการทานข้าวหรือไปนอน ทางโรงแรมจีนติ่งมีห้องอาหารและห้องพักเตรียมไว้สำหรับเฉินถิงเซียวอยู่แล้ว
แต่สำหรับการจัดเลี้ยงในห้องโถง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายขนาดนั้น
เพราะเฉินถิงเซียวไม่เคยเข้าร่วมงานแบบนี้มาโดยตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าจะให้เขาไปจัดงานเลี้ยงแบบนี้ ดังนั้นทางโรงแรมจีนติ่งก็ไม่มีทางจองห้องโถงไว้ให้เฉินถิงเซียวแน่นอน
โรงแรมจีนติ่งก็เป็นสิ่งที่เฉินถิงเซียวสร้างมากับมือ แต่คนที่ดูแลมาโดยตลอดก็คือกู้จือหยั่น ดังนั้นเรื่องพวกนี้ก็มักจะเป็นกู้จือหยั่นที่เป็นคนจัดงาน
เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอยากจะจัดงานเลี้ยงในคืนนี้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก…
สือเย่กำลังจะเปิดปากพูด เขาก็ได้ยินเฉินถิงเซียวพูดว่า “พรุ่งนี้แล้วกัน”
สือเย่โล่งอกไปที “ครับ ผมจะสั่งคนไปจัดการให้”
เฉินถิงเซียวพิงอยู่ตรงเก้าอี้ จากนั้นเขาก็เหม่อลอย
ตลอดทั้งวัน แค่เขาคิดว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้อยู่ในเมืองหู้หยาง และไม่ได้อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของเขา แต่อยู่ห่างจากเขาไปไกลแสนไกลหลายกิโลเมตร เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ แล้วก็มองอะไรไม่เข้าตาไปหมด
ปกติตอนที่มู่น่อนน่อนอยู่ในสายตาของเขา เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
เป็นเพราะเคยชินกับสิ่งนี้เหรอ?
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปนวดขมับ
ก็คุยกันแล้วว่าไม่เกินห้าวัน แต่สุดท้ายเธอก็เอาคำพูดของเขาฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
……
ตอนกลางคืนที่กลับไป สือเย่รู้ว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้อยู่ในบ้าน เขาก็เลยขับตรงไปที่บ้านของเฉินถิงเซียว
ถึงแม้ว่าบ้านของมู่น่อนน่อนจะอยู่บนถนนเส้นนี้เหมือนกัน แต่ว่าถ้าจะไปที่บ้านของมู่น่อนน่อน ระหว่างทางก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ หนึ่งซอย
ช่วงนี้เฉินถิงเซียวมักจะไปทานข้าวทีมู่น่อนน่อนบ่อยๆ เขาก็เลยคุ้นเคยกับถนนทางไปบ้านของมู่น่อนน่อนเป็นอย่างดี
ตอนที่รถขับผ่านซอยถนน เสี่ยงของเฉินถิงเซียวที่อยู่ด้านหลังก็ดังขึ้น “เข้าไปในซอย”
สือเย่เงยหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาก็มองเห็นเฉินถิงเซียวที่กำลังขมวดคิ้วจากกระจกมองหลังรถ
สือเย่ถามออกไปว่า “คุณหญิงไม่อยู่บ้าน ก็จะไปที่นั่นเหรอครับ?”
เฉินถิงเซียวมองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็นจากกระจกมองหลังรถ “ใครบอกว่าฉันจะไปที่บ้านเธอ?”
สือเย่ชะงักไป เขารู้สึกหมดคำพูดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...