ตอน บทที่ 474 ก็ไม่มีอะไรน่ามอง จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 474 ก็ไม่มีอะไรน่ามอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เฉินถิงเซียวถือเหล้าขาวและผ้าขนหนูที่ชายชราเอาให้เขา กลับมาที่ห้อง
ตอนที่เขาเข้าไป มู่น่อนน่อนไม่รู้ลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งอยู่บนเตียงอย่างสะลึมสะลือ
เนื่องจากเพราะมีไข้ สีหน้าของเธอจึงแดงเล็กน้อย ขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาพร่ามัว
เฉินถิงเซียวเข้ามา เธอขมวดคิ้วอย่างแรง ถึงจะหรี่ตาจำเขาได้
รอเขาเดินเข้ามาใกล้ มู่น่อนน่อนถึงถามว่า: “คุณไปไหนมา?”
น้ำเสียงของเธอลากยาวเล็กน้อย ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าสงสาร
เฉินถิงเซียวนั่งลงข้างเตียง บนตัวเธอสวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวของเขา เขาเหลือบตาลงต่ำ ก็มองเห็นเรียวขาที่ขาวเนียนของเธอ
ไข้ขึ้นจนเบลอแล้วจริงๆ
เฉินถิงเซียวดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอ พูดเสียงเย็นชาว่า: “นอนลงไป”
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ปฏิเสธว่า: “ไม่”
ตอนนี้เธอไข้ขึ้นจนสติเลอะเลือนเล็กน้อย ไม่สนว่าเฉินถิงเซียวจะพูดอะไร แค่รู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาดุมาก เธอจะไม่ทำตามอย่างเด็ดขาด
เฉินถิงเซียวจ้องเธอสองสามวินาที ราวกับมองความคิดในใจของเธอออก ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนลงหน่อย พูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง: “นอนลงไป”
“อ่อ” มู่น่อนน่อนครั้งนี้กลับให้ความร่วมมืออย่างมาก
แต่เธอในตอนนี้ไม่สนน้ำเสียงหนักเบาแล้ว ได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียว ก็ล้มลงไปข้างหลังอย่างตัวตรง
โชคดีที่เฉินถิงเซียวคว้าเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เธอเป็นไข้จนร่างกายไม่มีแรง เฉินถิงเซียวประคองไหล่ของเธอ และวางเธอลงบนเตียงอย่างง่ายดาย
เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเธอ ร้อนอย่างรุนแรง
เฉินถิงเซียวเปิดเหล้าขาวมองดูสักพัก แล้วก็วางกลับไป
เหล้าขาวสามารถลดอุณหภูมิร่างกายลงได้ แต่ใช้ให้น้อยจะดีกว่า
เฉินถิงเซียวเอาผ้าขนหนูเปียกวางลงบนหน้าผากของมู่น่อนน่อน ห่มผ้าห่มให้เธอ จากนั้นก็หันหลังกลับลงไปข้างล่าง
ชายชราอุ้มแมวนั่งอยู่หน้าประตู ในมือถือท่อสูบบุหรี่ที่ยาวมากด้ามหนึ่ง กำลังใส่ยาสูบไม่กี่แผ่นลงไปจุดไฟ
ที่เขาสูบเป็นบุหรี่ชนิดที่ปลูกขึ้นมาเอง ไม่ได้ผ่านการแปรรูป กลิ่นของยาสูบฉุนจนแสบจมูกเล็กน้อย
คิ้วของเฉินถิงเซียวขยับเบาๆเล็กน้อย และเดินไปนั่งลงตรงข้ามชายชรา
ชายชรายื่นท่อสูบบุหรี่ไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว: “เอาหน่อยมั้ย?”
เฉินถิงเซียวตอบเสียงเรียบ: “ไม่เอาครับ”
“ภรรยานายเป็นไงบ้าง?” ชายชราดูเหมือนก็แค่ถามผ่านๆ หลังจากสูดเข้าไปทีหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน ก็ถามออกมา
เฉินถิงเซียวสีหน้าไม่เปลี่ยน: “ไม่เป็นอะไรครับ”
“อ้อ พวกนายเป็นคนในเมือง มาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” ชายชราเคาะหัวบุหรี่ เหลือบสายตาขึ้นมองเขา
เฉินถิงเซียวตอบอย่างง่ายๆ: “ธุระครับ”
ชายชราน่าจะมองออกว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด เลยไม่ถามอะไรมาก แต่เป็นเริ่มมองสังเกตเฉินถิงเซียว
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างสูงมาก คิ้วเข้ม หล่อเหลาน่าหลงใหล เสื้อผ้าที่เนื้อผ้าหยาบกร้านเมื่อสวมอยู่บนตัวของเขา ก็ปกปิดความเป็นผู้ดีของเขาไม่ได้เลย แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนตื่นขึ้น ที่เข้าสู่สายตาก็คือความมืดครึ้ม
เธอลืมตาเพื่อปรับตัวครู่หนึ่ง ถึงจะมองเห็นเครื่องเรือนภายในห้องลางๆ
ด้านบนไม่ใช่เพดานที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นทุกเช้า แต่เป็นคานหลังคาไม้แท้และกระเบื้องหลังคาสีน้ำเงิน
ในห้องก็ไม่มีของตกแต่งอื่นๆ เธอนอนอยู่บนเตียงมองออกไป ก็เห็นเพียงบางอย่างที่คล้ายกับตู้ ในห้องยังมีกลิ่นของไม้อับชื้นอีกด้วย
เมื่อประสาทสัมผัสกลับมา เธอถึงรู้สึกว่าบนหน้าผากมีผ้าขนหนูทาบอยู่
ผ้าขนหนูถูกอุณหภูมิร่างกายของเธออบจนเกือบแห้ง
มู่น่อนน่อนถึงจะสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่เฉินถิงเซียวสวมอยู่บนตัว
เขาสวมชุดทำงานสีเขียวทหาร คล้ายกับเสื้อผ้าที่คนในยุค90สวมใส่ในทีวี มองดูแล้วให้ความรู้สึกของยุคสมัย
แต่เฉินถิงเซียวก็คือเฉินถิงเซียว ต่อให้เสื้อผ้าขาดๆ ก็ยังคงเป็นคุณชายเฉินที่แผ่ออร่าผู้ดีไปทั่วร่าง
เฉินถิงเซียวมองต่ำ เห็นมู่น่อนน่อนจ้องมองตัวเองอย่างจดจ่อ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า: “สวมซะ”
มู่น่อนน่อนเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามา ได้กลิ่นควันกลิ่นหนึ่ง ก็เดาได้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้เฉินถิงเซียวจะต้องช่วยเธอผึ่งไฟจนแห้งแน่ๆ
ยังไงเสียสถานที่แบบนี้ ก็ไม่มีเครื่องอบผ้า
มู่น่อนน่อนมองดูเสื้อผ้า แล้วก็มองเฉินถิงเซียว: “คุณหันไปสิ”
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วมองเธอ: “ก่อนหน้านี้ที่คุณขอร้องให้ผมช่วยคุณอาบน้ำ ผมเห็นหมดทุกอย่างแล้ว”
“……”
เวลานี้ เฉินถิงเซียวก็เสริมเข้าไปอีกประโยคหนึ่งว่า: “ก็ไม่มีอะไรน่ามอง”
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ถลึงตาใส่เขา ดึงผ้าห่มออกแล้วก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
ส่วนเฉินถิงเซียวก็จ้องมองเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงๆอยู่แบบนั้นจริงๆ ไม่แม้แต่ละสายตา
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าอุณหภูมิที่เพิ่งลดลงของตัวเอง สูงขึ้นมาอีกครั้ง
ถูกเฉินถิงเซียวมองดูจนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หน้าของเธอก็ร้อนผ่าวราวกับลุกเป็นไฟ
มู่น่อนน่อนคิดว่า ไม่ว่าความทรงจำของคนคนหนึ่งจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ตอนที่หน้าไม่อายก็ยังคงหน้าไม่อาย
เธอพลิกตัวลงจากเตียง มองเขาอย่างยั่วยุ: “มองแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”
เฉินถิงเซียวเหอะอย่างเย็นชาออกมา: “เพราะว่าคุณ ผมถึงติดอยู่ในสถานที่แบบนี้ คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วยใช่หรือเปล่า? คุณรู้มั้ยว่าผมติดอยู่ที่นี่หนึ่งวัน บริษัทเฉินซื่อจะมีงานกองเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่?”
ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่อยู่ในใจของมู่น่อนน่อนพวกนั้น ถูกคำพูดของเขาชะล้างหายไปในพริบตา
เธอกัดฟัน น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก: “ถ้างั้นคุณก็อย่ามาสิ? คุณจะมาทำไม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...