สรุปตอน บทที่ 473 ช่วยเหลือ – จากเรื่อง ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)
ตอน บทที่ 473 ช่วยเหลือ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดยนักเขียน Meow(○` 3′○) เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
มู่น่อนน่อนซบอยู่ในอ้อมแขนของเฉินถิงเซียว แขนข้างหนึ่งห้อยไปด้านหนึ่งอย่างหมดแรง แขนอีกข้างฝืนยกขึ้นมาคว้าที่ชายเสื้อของเขาไว้
แม้ว่าบนตัวของเฉินถิงเซียวจะเต็มไปด้วยโคลน แต่มู่น่อนน่อนก็ยังทนไม่ไหวที่จะคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ใจทั้งดวง ก็สงบนิ่งลงอย่างนั้น
หายากที่เฉินถิงเซียวจะไม่พูดจาไม่น่าฟัง ปล่อยให้เธอซบอยู่ในอ้อนแขน ไม่ได้ผลักเธอออก
ผ่านไปไม่กี่วินาที มู่น่อนน่อนถึงจะพูดออกมาว่า: “เดินไหว แต่ฉันขอพักสักแปปนึง”
ร่างกายของเธอแข็งเกินไป ต้องขยับตัวเล็กน้อยถึงจะได้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินถิงเซียวก็มองลงมาที่เธอ
มู่น่อนน่อนก็เงยหน้ามองเขาเช่นกัน ริมฝีปากเหยียดโค้งขึ้น ส่งยิ้มให้เขา
รอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
คิ้วของเฉินถิงเซียวยิ่งขมวดแน่นขึ้น เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของมู่น่อนน่อน
มือของเขาเพิ่งจะสัมผัสโดนหน้าผากของมู่น่อนน่อน ก็ถูกความร้อนที่มาจากหน้าผากของเธอทำให้ต้องชักมือออก
เขาทาบลงบนหน้าผากของมู่น่อนน่อนเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ จากนั้นก็ทาบลงบนหน้าผากของตัวเองรับรู้อุณหภูมิสักพัก พูดอย่างนิ่งๆว่า: “คุณเป็นไข้”
“งั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนพูดแล้วก็เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของตัวเอง: “มิน่าล่ะฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย”
เสียงของเธออ่อนแอมาก เอียงศีรษะซบอยู่ในอ้อมแขนของเฉินถิงเซียว ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย
คิ้วที่ขมวดของเฉินถิงเซียว ก็ไม่เคยคลายออกเลย
เขาใช้มือข้างหนึ่งพยุงมู่น่อนน่อนไว้ พูดเสียงเข้มว่า: “ยืนนิ่งๆ”
ทันใดนั้น เขาย่อตัวลง ดึงมือของมู่น่อนน่อน ให้เธอกอดคอของเขา
มู่น่อนน่อนทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลย กอดคอของเขาแล้วก็พิงบนหลังของเขาอย่างอ่อนปวกเปียก น้ำเสียงรู้สึกสับสนเล็กน้อย: “คุณจะแบกฉันงั้นหรอ? แต่ช่วงนี้ฉันดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อย หนักหน่อยนะ…”
เฉินถิงเซียวไม่สนใจคำพูดไร้สาระของเธอ แบกเธอและเดินไปข้างหน้า
เขาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินมู่น่อนน่อนถามเขาว่า: “ฉันหนักหรือเปล่า?”
เฉินถิงเซียวตอบอย่างเย็นชา: “ไม่หนัก”
ไม่เพียงไม่หนัก แถมยังเบามาก
ถ้าหากเธออ้วนขึ้นสักหน่อย คงจะน่ามองกว่านี้
“อ้อ ถ้างั้นก็ดี…” เสียงตอนท้ายเบาเป็นพิเศษ จนถึงเสียงหาย
โชคดีที่สภาพทางหลวงส่วนนี้ ดีกว่าทางส่วนนั้นที่เฉินถิงเซียวเข้ามาสักหน่อย เลยเดินได้สะดวกกว่านิดหน่อย
แต่ก็ไม่ได้ดีไปมากเท่าไหร่
ถนนลูกรังในชนบท พอถึงวันที่ฝนตก เดินเหยียบลงไปล้วนมีแต่โคลน ย่างเท้าหนักบ้างเบาบ้าง ข้างหลังยังแบกคนไว้อีกคน ไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะสมรรถภาพทางกายดีแค่ไหน เดินไปนานๆก็รู้สึกไม่ไหวเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงบนหลังยังเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระเป็นครั้งคราวอีก
“ฉันหนักมั้ย?”
เฉินถิงเซียวจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เธอถามคำถามนี้
เขาพูดเสียงเข้ม: “หนักมาก เพราะงั้นตั้งแต่นี้ไปคุณหุบปากจะดีที่สุดไม่ต้องพูดอะไรอีก”
“อ่อ” มู่น่อนน่อนที่เป็นไข้จนเบลอเชื่อฟังมาก ตอบกลับทีหนึ่งแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกจริงๆ
ส่วนเฉินถิงเซียวก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิบนตัวของมู่น่อนน่อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
จะให้เธอเป็นไข้แบบนี้ต่อไปไม่ได้ จะต้องหาสถานที่พักและหาหมอ
แต่ว่า…
เฉินถิงเซียวเหลือบตาขึ้นมอง ทางด้านหน้าไกลๆไม่เป็นป่าทึบก็เป็นดินโคลน
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน ในป่าตรงริมถนนมีเงาของบ้านเรือน
เฉินถิงเซียวมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แบกมู่น่อนน่อนเดินเข้าไป
เป็นบ้านที่ใช้อิฐสีน้ำเงินสร้างขึ้นมาหลังหนึ่ง งานหยาบมาก แต่สำหรับพวกเขาในเวลานี้ ถือว่าเป็นที่พักอาศัยที่ยอดเยี่ยมแล้ว
เฉินถิงเซียวนิ่งไปเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้มีพลังเวทมนตร์อะไร เมื่อก่อนเขาถึงเคยทำเรื่องแบบนี้ให้เธอ?
ค่อยๆล้างโคลนบนร่างกายของเธอออกไป ผิวขาวเนียนบนร่างของเธอก็ค่อยๆเผยออกมาทีละนิดๆ
ผิวของเธอขาวมาก ขาวเปล่งปลั่งจนแสบตาเล็กน้อย
เฉินถิงเซียวรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ขมวดคิ้วชำเลืองตาไม่มองเธออีก แต่สัมผัสที่มือกลับชัดเจนเป็นพิเศษ
เฉินถิงเซียวกัดฟันช่วยเธออาบน้ำจนเสร็จ เหลือบมองเสื้อผ้าที่ชายชราช่วยหยิบมาให้พวกเขาครู่หนึ่ง ถอดเสื้อคลุมสูทของเขาออกอย่างเงียบๆ และถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกแล้วสวมให้มู่น่อนน่อน
ระหว่างทางฝนไม่ตกมาก เสื้อคลุมสูทของเขาเต็มไปด้วยโคลน แต่เสื้อเชิ้ตถือว่ายังสะอาดอยู่
เขาอุ้มมู่น่อนน่อนไปที่ห้อง ตัวเองออกมาอาบน้ำเย็นอย่างเร่งรีบ เอาเสื้อผ้าของมู่น่อนน่อนมาซักแล้วถือไปตากไว้ที่ห้อง
เขาไม่รู้วิธีซักเสื้อผ้าด้วยมือ แต่ล้างโคลนออกจากเสื้อผ้าถือว่าพอทำได้
ห้องที่ชายชราจัดไว้ให้พวกเขาอยู่ชั้นสอง ตัวชายชราเองขาและเท้าไม่ค่อยดีเลยอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
ตอนที่เฉินถิงเซียววางมู่น่อนน่อนในห้องและเดินออกมา ตรงบันไดก็เห็นชายชรากำลังถือราวจับบันไดปีนขึ้นบันไดมา
ชายชราในมือถือผ้าเช็ดตัวเปียกผืนหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือเหล้าหนึ่งขวด
เฉินถิงเซียวถึงพบว่าชายชราขากะเผลกนิดหน่อย
เขาลงไปข้างล่าง เดินไปตรงหน้าชายชราและรับของมา: “ขอบคุณครับ”
ชายชราพูดอย่างช้าๆ: “เอาไปให้ภรรยานายลดไข้ อากาศแบบนี้ไม่มีที่หาหมอหรอก”
ครั้งนี้ เฉินถิงเซียวเหมือนพอจะฟังภาษาถิ่นของเขารู้เรื่องนิดหน่อย
เขาตอบนิ่งๆทีหนึ่ง: “อืม”
ชายชราพยักหน้า และเดินลงไปข้างล่างอีกครั้ง
ด้านหลังมีแมวตัวนั้นเดินตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...