ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 481

สรุปบท บทที่ 481 เฉินซิงเซียว แบบนี้ขี้เหร่จังเลย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

สรุปเนื้อหา บทที่ 481 เฉินซิงเซียว แบบนี้ขี้เหร่จังเลย – ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)

บท บทที่ 481 เฉินซิงเซียว แบบนี้ขี้เหร่จังเลย ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Meow(○` 3′○) อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

มู่น่อนน่อนคิดๆแล้วรู้สึกว่าสือเย่พูดถูก

เดิมทีในใจเฉินถิงเซียวคิดอะไรอยู่ก็ยากที่จะคาดเดาอยู่แล้ว หลายวันนี้เฉินถิงเซียวสามารถพักอยู่ที่นี่อย่างเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม เธอเองก็ค่อนข้างประหลาดใจอยู่เหมือนกัน

บนตัวเขา มักจะมีจุดที่เธอไม่เข้าใจ

เฉินถิงเซียวได้พูดกับคุณลุงไปอีกหลายคำ จากนั้นคุณลุงได้ตบแขนเฉินถิงเซียวเบาๆ ขยับริมฝีปากไปหลายที ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่มู่น่อนน่อนดูไม่ออกว่าเขาพูดอะไรบ้าง

เวลานี้ จู่ๆเฉินถิงเซียวได้กวักมือมาที่เธอ

มู่น่อนน่อนได้รีบเดินไป

เธอเดินเข้าไปใกล้ คุณลุงก็ได้มองหน้าเธอพร้อมยิ้มแฉ่ง:“เธอชอบกิมจิที่ลุงทำไม่ใช่เหรอ?ลุงใส่กล่องให้เธอเอากลับไปกินหน่อย อากาศแบบนี้เอากลับไปน่าจะยังกินได้อยู่”

อากาศของปลายฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูกาลที่ต้องใส่เสื้อสเวตเตอร์แล้ว อาหารก็ไม่บูดเสียง่ายขนาดนั้น

มู่น่อนน่อนค่อนข้างซึ้ง:“คุณลุงนั่งแป๊บนึงนะคะ หนูไปทำเองค่ะ”

นอกจากวันแรกที่เธอมาที่นี่เป็นไข้แล้ว นับแต่นั้นมาเธอก็เป็นคนทำกับข้าวตลอด และรู้อยู่ว่ากิมจิของคุณลุงอยู่ไหน

“ได้ งั้นเธอไปเอากิมจิเองนะ ลุงไปขุดมันเทศที่นาให้พวกเธอ มันเทศอันนั้นไม่มียาฆ่าแมลง ไม่เหมือนที่ขายอยู่ในเมือง……”

ระหว่างที่คุณลุงพูด ก็เตรียมไปเอาจอบแล้ว

มู่น่อนน่อนรีบห้ามเขาไว้:“ไม่ต้องแล้วค่ะ……”

ท้องฟ้าที่เพิ่งจะสดใสขึ้นมา พื้นยังค่อนข้างแฉะและลื่นอยู่ โดยเฉพาะในพื้นดินโคลน

“แค่ไปขุดไม่กี่หัวให้เธอเอาไปเฉยๆ ที่ลุงก็ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว……”คุณลุงย่อมไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของมู่น่อนน่อนอยู่แล้ว เขาได้แบกจอบไปในนาโดยตรง

มู่น่อนน่อนมองดูคุณลุงไปนาแล้ว ก็ได้กลับไปเอากิมจิในบ้าน

กิมจิใส่ไว้ในโอ่งใบใหญ่มาก ด้านในมีกิมจิโอ่งใหญ่ที่หอมมาก

เอากิมจิใส่กล่องเสร็จ ตอนที่ออกมา คุณลุงก็ได้กลับมาแล้ว

ทำไร่ทำนาอยู่ที่ชนบทมาทั้งชีวิต ถึงแม้อายุมากแล้ว แต่ร่างกายก็ไม่ได้มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร การเคลื่อนไหวก็คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงมาก

คุณลุงล้างมันเทศสดๆเสร็จแล้วเอาใส่ถุง จากนั้นได้เข้าไปทำอะไรที่ในห้องอีกพักนึง ตอนที่ออกมาได้ของเพิ่มมาอีกสองถุงใหญ่ๆ

มู่น่อนน่อนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนเคยเห็นประเด็นในเน็ต ที่เกี่ยวกับหลังจากฉลองวันตรุษจีนเสร็จ ลูกๆจากบ้านไป พ่อแม่จะยัดของกินต่างๆเข้าไปในกระเป๋าเดินทางให้ลูกๆ

พ่อแม่ของครอบครัวทั่วไปมักจะเป็นห่วงลูกอยู่ตลอดเวลา ฉลองตรุษจีนเสร็จต้องลาจากบ้าน ก็คิดที่จะเอาของทุกอย่างให้ลูกเอากลับไปกินที่ในเมืองอย่างละนิดอย่างละหน่อย

มู่น่อนน่อนไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้จากเซียวชู่เหอ แต่กลับได้รับความอบอุ่นแบบนี้จากคนแก่ที่อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วันคนนี้

คุณลุงเอาของพวกนั้นใส่เข้าไปในถุงไนลอนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมมัดถุงให้แน่นไปด้วยและพูดเองเออเองไปด้วย:“กลัวก็แต่พวกเธอจะเอากลับไปลำบาก ไม่งั้น ลุงยังมีของอีกเยอะแยะที่อยากให้พวกเธอเอากลับไป ของพวกนี้ลุงเป็นคนปลูกเองทั้งหมด ทั้งปลอดภัยและปลอดสารพิษ……”

มู่น่อนน่อนเดินไปช่วยเขาดึงปากถุงไว้อย่างเงียบๆ ไม่พูดจา และก็พูดไม่ออกด้วย

เพราะจัดของต่างๆเลยเสียเวลาไปสักพักใหญ่ๆ

ตอนที่จะจากไป ก็ใกล้จะถึงเวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว

คุณลุงขมวดคิ้วยืนอยู่หน้าห้องรับแขกแล้วพูด:“หรือรอทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วค่อยไปมั้ย นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว”

ถึงแม้เขาไม่ได้แสดงออกและไม่ได้พูดออกมา แต่มู่น่อนน่อนก็รู้สึกได้ถึงความอาลัยอาวรณ์ของเขาแล้ว

ชีวิตคนเรามักจะจากกันมากกว่าอยู่ด้วยกัน

เธอกับเฉินถิงเซียวไม่มีทางพักอยู่ที่นี่ตลอดไป ยังไงก็ต้องกลับไปชีวิตของตัวเอง

มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นมือดึงแขนเสื้อของเฉินถิงเซียว น้ำเสียงปนด้วยการอ้อนวอน:“เฉินถิงเซียว”

เพราะไหนๆก็เที่ยงแล้ว เธออยากทานข้าวเที่ยงเป็นกับคุณลุงเสร็จแล้วค่อยไป แต่เฉินถิงเซียวอาจจะไม่เห็นด้วยเสมอไป

และเฉินถิงเซียวก็ไม่เห็นด้วยจริงๆด้วย

“พวกผมยังมีเรื่องมากมายที่ต้องสะสาง ก็ไม่อยู่ทานข้าวต่อแล้วครับ”เฉินถิงเซียวมองคุณลุงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลังเลไปหลายวิก็ได้พูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“รักษาตัวด้วยครับ”

มู่น่อนน่อนคิดๆแล้วได้ยื่นมือถือมาที่ตรงหน้าเฉินถิงเซียว:“นี่ค่ะ”

เฉินถิงเซียวได้ดูหน้าจอมือถือแว๊บนึง ทั้งจอถูกใบหน้าของเฉินมู่เติมเต็มหมด เขายักคิ้วพร้อมพูดว่า:“เฉินมู่ แบบนี้ขี้เหร่จังเลย”

เฉินมู่ย่อมรู้อยู่แล้วว่า“ขี้เหร่”หมายความว่ายังไง เธอทำหน้ามุ่ยแล้วพูดเลียนแบบน้ำเสียงของเฉินถิงเซียว:“เฉินซิงเซียว แบบนี้ขี้เหร่จังเลย”

จู่ๆเฉินถิงเซียวได้ยกมุมปากขึ้น แววตาลึกๆมีรอยยิ้มแว๊บผ่านเสี้ยวนึง จากนั้นได้รับมือถือไปจากมือของมู่น่อนน่อน

เขาจ้องหน้าจออยู่หลายวิ จากนั้นได้ถามว่า:“หนูอ้วนขึ้นอีกแล้ว?”

มู่น่อน่อนจ้องเขาทีนึง:“อยู่ในสายวิดีโอคอล จะอ้วนกว่าตัวจริงอยู่แล้ว”

เฉินมู่กระพริบตาปริบๆ แล้วจับพุงตัวเอง:“เนื้อเยอะจังเลย”

“รู้ว่าหนูอ้วน ไม่ต้องตบพุงแล้ว”เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็ได้ยื่นมือถือให้มู่น่อนน่อน

มู่น่อนน่อนรับมือถือมาคุยกับเฉินมู่อีกหลายคำ ก็ได้วางสายวิดีโอคอลทิ้ง

หลายวันนี้อยู่ในเขา คนที่เป็นห่วงที่สุดก็คือเฉินมู่

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเฉินมู่สบายดี เธอเองก็วางใจแล้ว

พวกเขาพักอยู่ที่โรงแรมสามดาวแห่งนึงในอำเภอ

พวกเขามากันเยอะเกิน ในกลุ่มพวกเขามีแค่มู่น่อนน่อนคนเดียวที่เป็นผู้หญิง

สุดท้ายแบ่งห้องเสร็จ แม้แต่สือเย่เองก็ได้ไปนอนเบียดอยู่ห้องเดียวกันกับลูกน้องที่เหลือ สุดท้ายเหลืออยู่แค่ห้องนอนห้องเดียว

มู่น่อนน่อนไม่มีความคิดเห็นอะไร เพราะช่วงที่อยู่ในเขาล้วนนอนกับเฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวเนี่ยสิที่สีหน้าไม่สมัครใจเลย

พอเข้ามาที่ห้อง เฉินถิงเซียวได้ถามเธอว่า:“คุณนอนที่ไหน?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม