ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 482

สรุปบท บทที่ 482 มีอยู่คำนึง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

บทที่ 482 มีอยู่คำนึง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 482 มีอยู่คำนึง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

มู่น่อนน่อนฟังแล้ว ได้มองดูรอบห้องแว๊บนึง

หลังจากแน่ใจแล้วว่าในห้องมีเตียงอยู่แค่เตียงเดียว จึงได้ถามเฉินถิงเซียวว่า:“หมายความว่ายังไงคะ?”

ในห้องมีเตียงอยู่แค่เตียงเดียว เธอไม่นอนบนเตียง จะให้ไปนอนที่โซฟาหรือไง?

เฉินถิงเซียวไม่ได้พูด แค่ให้พนักงานเอาผ้าห่มเข้ามาเพิ่มอีกผืนนึง จากนั้นเขาได้หอบผ้าห่มไปวางที่โซฟา

ก็ไม่สนว่ามู่น่อนน่อนจะมีสีหน้ายังไง หลังจากที่เขาเอาผ้าห่มไปวางที่โซฟา ก็ได้หันหลังเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเลย

มู่น่อนน่อนมองดูเฉินถิงเซียวเข้าไปห้องน้ำ ยืนอยู่กับที่ไปสักพักถึงดึงสติกลับมา เฉินถิงเซียวนี่คือจะนอนบนโซฟาเหรอ

ตอนที่อยู่ในเขา ทั้งคู่นอนด้วยกันตลอด ตอนนี้กลับจะนอนแยกห้องกับเธอ?

มู่น่อนน่อนค่อนข้างที่จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ผ่านไปไม่นาน เฉินถิงเซียวก็ได้อาบน้ำเสร็จแล้ว เขาคลุมผ้าขนหนูไว้ที่ช่วงเอวผืนนึงก็ได้ออกมาเลย

มู่น่อนน่อนไม่ได้คุยกับเขา แต่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำโดยตรง

ตอนที่อาบน้ำไปถึงครึ่งทาง มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เธอยื่นหูไปฟัง ก็ได้ยินเสียงที่เฉินถิงเซียวเดินไปเปิดประตู

เธออาบน้ำเสร็จออกมา เฉินถิงเซียวได้เปลี่ยนมาใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว และกำลังนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่ที่บนโต๊ะ

ห้องนอนไม่ใหญ่ เธอแค่หันไปมอง ก็สามารถเห็นบนเตียงมีชุดนอนผู้หญิงวางอย่างเรียบร้อยอยู่ชุดนึง

ดูสีแล้ว เหมือนจะเป็นชุดนอนคู่รักกับที่เฉินถิงเซียวใส่อยู่

เสียงของเฉินถิงเซียวได้ดังขึ้นในเวลานี้:“สือเย่เป็นคนซื้อมา”

มู่น่อนน่อนหันหน้ามา พบว่าเฉินถิงเซียวยังรักษาท่าทางของก่อนหน้านี้อยู่ สายตาได้จดจ่ออยู่ที่หน้าจอโน๊ตบุ๊ค มือสองข้างกำลังเคาะอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างมีวินัย

ถ้าไม่ใช่ว่าที่นี่มีแค่เธอกับเฉินถิงเซียวอยู่สองคน เธอยังนึกว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้พูดคุยกับเธอเสียอีก

“ขอบคุณค่ะ”

มู่น่อนน่อนหยิบชุดนอนเข้าไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง

พอออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ได้โทรหาเสิ่นเหลียง

ก่อนหน้านี้ตอนที่มาถึงอำเภอ เธอโทรหาเสิ่นเหลียง ได้มีเสียงแจ้งเตือนว่าไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ ไม่รู้ว่าตอนนี้สามารถโทรติดหรือยัง

หลังจากโทรออกไป เงียบไปสองวินาที ก็มีเสียง“ตู๊ด”เสียงนึง

ไม่นึกเลยว่าจะโทรติด!

เสียงรอสายดังไปหลายที เสิ่นเหลียงถึงรับสาย

น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงฟังแล้วค่อนข้างตื่นเต้น:“น่อนน่อน?เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

“ฉันไม่เป็นไร แล้วเธอล่ะ?”มู่น่อนน่อนพูดไปด้วย และหันหลังเดินไปที่เตียงด้วย

เธอพิงอยู่ที่หัวเตียง ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ให้เสิ่นเหลียงฟังคร่าวๆ

เสิ่นเหลียงอยู่ในหมู่บ้าน สภาพพื้นที่ของที่นั่นไม่สะดวกที่จะให้เฮลิคอปเตอร์เข้าไป ตอนนี้ยังหาที่จอดเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้ เลยยังเข้ามาไม่ได้

อีกอย่างถนนเส้นที่เข้าหมู่บ้านช่วงนั้นเสียหายหนักมาก ยังไม่สามารถซ่อมเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น

ขอแค่คนปลอดภัยดีก็โอเคแล้ว

มู่น่อนน่อนถือว่าวางใจได้สักที

ในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ เสิ่นเหลียงอาจจะยังออกมาไม่ได้ ฝั่งเธอยังมีกู้จือหยั่นคอยดูแลอยู่ มู่น่อนน่อนก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก ก็ไม่คิดที่จะรอเสิ่นเหลียงอยู่ที่ในอำเภอต่อ

“เจอกันที่เมืองหู้หยางนะ”

“อืม เดี๋ยวกลับไปเจอกัน”

มู่น่อนน่อนวางสายทิ้ง จากนั้นได้เงยหน้ามองไปยังทิศทางของเฉินถิงเซียว พบว่าเขายังนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมอีก

สีหน้าที่เคร่งขรึมน่าจะสะสางเรื่องงานอยู่ ถึงจะใส่ชุดนอน แต่ความทรงพลังในตัวเขาก็ไม่ลดลงเลยสักนิด

เธอพูดเสียงสูง:“เฉินถิงเซียว ฉันจะนอนแล้วนะ”

เฉินถิงเซียวหันมามองเธอแว๊บนึง สีหน้าและน้ำเสียงของเขาเย็นชาพอๆกัน:“สวิตซ์ไฟอยู่บนหัวเตียง คุณจะให้ผมช่วยคุณปิดไฟด้วยหรือไง?”

มู่น่อนน่อนหายใจลึกๆทีนึง น้ำเสียงรวดเร็ว:“เปล่าค่ะ ฉันปิดเอง”

ในสนามบิน พวกเขาได้เจอกับลี่จิ่วเชียนและพักพวก

ลี่จิ่วเชียนคุยกับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังไปหลายคำ ก็ได้เดินมาหามู่น่อนน่อน:“น่อนน่อน บังเอิญจังเลย พวกคุณไฟลท์กี่โมงครับ?”

มู่น่อนน่อนพูดว่า:“ไฟลท์บ่ายโมงค่ะ”

ที่จริงไม่บังเอิญเลยสักนิด ที่นี่เป็นเมืองที่มีไฟลท์บินๆไปยังเมืองหู้หยางที่ใกล้กับอำเภอมากที่สุด

พวกเขาจะกลับเมืองหู้หยาง ต่างก็ต้องเลือกมาขึ้นเครื่องที่นี่

อีกอย่างสนามบินนี้เล็กมาก เจอคนรู้จักก็เป็นเรื่องปกติ

ลี่จิ่วเชียนยิ้ม:“พวกผมบินไฟลท์บ่ายสอง”

“คุณหญิงน้อยครับ”

ขณะนี้ สือเย่ได้เดินมา:“ตอนนี้เราเตรียมจะไปที่ห้องพักผ่อนแล้วครับ”

มู่น่อนน่อนพยักหน้าให้เขาเสร็จ ถึงหันมาพูดกับลี่จิ่วเชียนว่า:“ฉันกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับไปเจอกันค่ะ”

ลี่จิ่วเชียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และใช้สายตาส่งมู่น่อนน่อนไปไกล

สือเย่เดินตามหลังมู่น่อนน่อน เขาลังเลไปครู่นึงถึงถามว่า:“คุณหญิงน้อยกับคุณลี่รู้จักกันได้ยังไงครับ?”

มู่น่อนน่อนฟังแล้วได้หยุดฝีเท้าลงมามองหน้าเขา

สือเย่พยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างเคารพนอบน้อม:“คุณหญิงน้อยอย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ตอนนั้นก่อนที่คุณหญิงน้อยจะไปเกาะกับคุณผู้ชาย คุณลี่ก็เคยมีข่าวกับคุณหญิงน้อย จู่ๆผมเพิ่งนึกขึ้นได้ ก็เลยอยากถามดูเฉยๆครับ”

มู่น่อนน่อนเองก็รู้ว่าสือเย่มีเจตนาที่ดี เธอครุ่นคิดไปครู่นึงก็ได้พูดว่า:“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเคยเจอเขาตอนไหน แต่สามปีก่อนตอนที่เขาปรากฎตัว ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วสามารถฟังออกว่าเขารู้จักฉัน”

สือเย่พยักหน้าแล้วพูดว่า:“มีอยู่คำนึง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่าครับ”

มู่น่อนน่อนยิ้ม:“อยากพูดก็พูดมาสิ”

“คุณลี่คนนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ คุณหญิงน้อยระวังไว้หน่อยจะดีกว่าครับ”น้ำเสียงของสือเย่อ่อนโยนมาก

เขาไม่เหมือนเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวเกลียดลี่จิ่วเชียนจะแสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเขาได้คำนึงถึงลี่จิ่วเชียนเคยช่วยมู่น่อนน่อน ในใจของมู่น่อนน่อนย่อมรู้คุณข้าวแดงแกงร้อนของลี่จิ่วเชียนอยู่แล้ว

ก็เพราะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนแบบนี้ ยิ่งเป็นการเตือนที่ปรารถนาดี ก็ยิ่งต้องอ่อนโยนและอ้อมค้อมหน่อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม