ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 487

สรุปบท บทที่ 487 ไม่อยากคุยกับผู้หญิงโง่เขลา: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

บทที่ 487 ไม่อยากคุยกับผู้หญิงโง่เขลา – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 487 ไม่อยากคุยกับผู้หญิงโง่เขลา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

มู่น่อนน่อนมองลี่จิ่วเชียนแล้ว ได้หันไปมองเฉินถิงเซียวอีก

เมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเฉินถิงเซียวล้วนมีสติ ย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่า“ความรู้สึก”ที่ลี่จิ่วเชียนพูดคืออะไร

แต่มู่น่อนน่อนกลับรู้ว่า“ความรู้สึก”ที่ลี่จิ่วเชียนพูดคืออะไร

เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เฉินถิงเซียวบีบมือของเธอจนเจ็บ นาทีนี้เธออาจจะถูกลี่จิ่วเชียนสะกดจิตแล้ว

ความรู้สึกแบบนั้นบอกไม่ค่อยถูก มีอยู่ครู่นึงที่มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเอง รอบด้านก็เงียบสงัดมาก สีขาว

โพลนไปหมด ไม่รู้จะไปที่ไหน และจะพูดอะไร

ลี่จิ่วเชียนจ้องเฉินถิงเซียวไว้อย่างไม่คลาดสายตา สีหน้าแววตาเคร่งขรึม

เฉินถิงเซียวพิงอยู่บนเก้าอี้ บนตัวมีกลิ่นไอของความเกียจคร้านฟุ้งกระจายอยู่ น้ำเสียงก็เลื่อนลอย:“แต่ผมก็เข้าใจคุณอยู่ เพราะยังไงซะคุณก็เป็นแค่จิตแพทย์ ถึงแม้การสะกดจิตกับจิตวิทยาก็ถือเป็นสายเดียวกัน แต่ถึงยังมันก็ไม่ได้เหมือนกันหมด”

สีหน้าของลี่จิ่วเชียนยังคงค่อนข้างแย่อยู่

เขายกมุมปากขึ้น และยิ้มได้ค่อนข้างฝืนใจมาก:“ทักษาทางวิชาการของผมแย่จริงๆ ขายหน้าแล้วครับ”

แต่ไหนแต่ไรลี่จิ่วเชียนเป็นคนที่สามารถเก็บอาการอยู่ มู่น่อนน่อนเคยเห็นเขาขัดแข้งขัดขาตัวเองอยู่หลายครั้ง และล้วนขัดแข้งขัดขาตัวเองต่อหน้าเฉินถิงเซียว

ความสามารถของเฉินถิงเซียวไม่ใช่คนทั่วไปที่จะสามารถสู้ได้จริงๆด้วย

เฉินถิงเซียวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา:“ก็ตลกจริงๆอ่ะนะ”

ผู้ชายคนนี้พูดจาไม่เคยไว้หน้าคนอื่นเลย

มู่น่อนน่อนอดหันไปมองเขาแว๊บนึงไม่ได้

เขาลุกขึ้น มือสองข้างเสียบเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สีหน้าไม่สนใจใยดีเลย

“ไปกันเถอะ”เขาพูดกับมู่น่อนน่อน

มู่น่อนน่อนอึ้งไปครู่นึงแล้วพูดว่า:“คุณไปก่อนเลยค่ะ”

เธอยังมีธุระกับลี่จิ่วเชียนต่อ ต้องถามเรื่องราวให้ชัดเจนก่อนถึงจะกลับ

เฉินถิงเซียวมองเธอแล้วหันไปมองลี่จิ่วเชียน ทันใดนั้นก็ได้หันมานั่งลงอีก:“มีธุระก็พูดเถอะ”

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าแววตาที่เฉินถิงเซียวมองเธอ เต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เชื่อใจ ราวกับว่าเธอจะไปมีอะไรลับลมคมในกับลี่จิ่วเชียนลับหลังเขายังไงอย่างงั้น……

มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา:“ถึงจะมีธุระก็เป็นธุระของฉันกับลี่จิ่วเชียน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”

ช่วงนี้เธอถือว่าอดทนมากแล้ว เฉินถิงเซียวอาศัยความจำเสื่อมก็ทำกับเธออย่างตามใจชอบงั้นเหรอ

ตอนนี้ยังมาใช้สายตาแบบนี้จ้องมองเธออีก เธอย่อมทนไม่ได้อยู่แล้ว

ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินถิงเซียวได้บูดบึ้งขึ้นมาทันที

“ไม่เกี่ยวกับผมงั้นเหรอ?”เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา:“มู่น่อนน่อน แน่จริงคุณพูดอีกรอบซิ?”

มู่น่อนน่อนพูดไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติรอบนึง:“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

พูดจบ ยังได้มองเฉินถิงเซียวอย่างท้าทายอีก

ชีวิตก็ต้องกล้าที่จะลองไม่ใช่เหรอ?

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าพูดจายั่วโมโหเขาอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์ที่เขาได้โกรธกริ้วขึ้นมาแล้ว

รู้สึกสะใจนิดๆ

เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนอย่างหน้าเขียวหน้าดำ สีหน้าดูแย่สุดๆ

ลี่จิ่วเชียนส่งเสียงในเวลานี้:“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ถึงให้คุณเฉินรู้ก็ไม่เป็นไรครับ”

มู่น่อนน่อนหันมามองเขา เขาได้ยกมุมปากขึ้น:“สามปีก่อน น่อนน่อนอยู่ออสเตรเลียกำลังรอคลอดอยู่ มีอยู่คืนนึง คุณเห็นคนกำลังชกต่อยกัน และได้แจ้งตำรวจใช่มั้ย?”

มู่น่อนน่อนฟังคำพูดของเขาจบแล้วมีสีหน้ามึนงง

เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา:“เมื่อก่อนคุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่เขลาแบบนี้เหมือนกัน!”

มู่น่อนน่อนหรี่ตาไว้เล็กน้อยพร้อมถามเขาว่า:“คุณไม่มีความทรงจำของช่วงที่อยู่กับฉัน คุณรู้ได้ยังไงว่าเมื่อก่อนฉันเป็นคนยังไง?”

พริบตาเดียวในรถได้เงียบสงบลงมาทันที เหลือแค่เสียงลมหายใจของทั้งสองที่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน

มือที่เฉินถิงเซียวจับพวงมาลัยไว้อดกำแน่นไม่ได้ ตรงข้อนิ้วมือขาวซีดเล็กน้อย กรามได้ตึงเอาไว้ ริมฝีปากสวยเม้มเป็นเส้นตรง

น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนค่อนข้างยกตนข่มท่าน:“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ?”

สักพัก เสียงแหบพร่าเล็กน้อยของเฉินถิงเซียวได้ดังขึ้น:“ไม่อยากคุยกับผู้หญิงโง่เขลา”

“งั้นก็กล้ำกลืนคุณจริงๆที่กินกับข้าวที่ผู้หญิงโง่เขลาทำทุกวัน แถมยังมีลูกกับผู้หญิงโง่เขลาด้วย”มู่น่อนน่อนยังคงจ้องเขาไว้ แถมน้ำเสียงยังเย็นชาสุดๆ

“มู่น่อนน่อน!”เฉินถิงเซียวเหยียบเบรคด้วยความโกรธ!

เสียงที่เบรคกะทันหันแสบแก้วหูมาก

มู่น่อนน่อนมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย:“เฉินถิงเซียว คุณจำได้หมดแล้วใช่มั้ย?ฉันอยู่ในใจคุณดูโง่แค่ไหน สองวันนี้คุณแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ คุณนึกว่าฉันยังดูไม่ออกหรือไง?ใช่ ฉันไม่ฉลาดเท่าคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีสมองนะ!”

“ถ้าคุณมีสมอง ก็ไม่เห็นว่าลี่จิ่วเชียนคือผู้มีพระคุณมาโดยตลอดแล้ว?”น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย:“เขาจงใจช่วยชีวิตคุณตัดหน้ากู้จือหยั่น คุณยังดูไม่ออกหรือไง?”

มู่น่อนน่อนไม่ยอมถอยเลยสักนิด:“ถึงจะอย่างนี้แล้วจะทำไม?เขาก็ยังได้ช่วยฉันไว้อยู่ดี ถึงฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมาสามปี เป็นเจ้าหญิงนิทรามาสามปี เขายังคงไม่ละทิ้งฉัน แค่จุดนี้ ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร เขาก็คือผู้มีพระคุณของฉันอยู่ดี ฉันติดค้างเขา!คุณคิดว่า……อืมมมมมมม……”

มู่น่อนน่อนยังพูดไม่จบก็ถูกคนอุดปากไว้แล้ว

เธออึ้งค้างและเบิกตากว้าง

ตรงหน้าคือใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ของเฉินถิงเซียว เขาหลุบตาไว้เล็กน้อย มองอารมณ์ในแววตาไม่ชัด

เฉินถิงเซียวใช้มือข้างเดียวดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด มือข้างนึงโอบเอวเธอไว้ มืออีกข้างจับคางของเธอไว้ จูบได้ทั้งหนักและโหด

มู่น่อนน่อนได้ลิ้มลองถึงรสชาติของกลิ่นคาวเลือด ก็รู้เลยว่าริมฝีปากตัวเองถูกเขากัดจนถลอกอีกแล้ว 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม