ถึงคนที่พูดน้อยแค่ไหน ตอนที่นิสัย คำพูดและการกระทำเกิดการเปลี่ยนแปลง คนที่ใกล้ชิดที่สุดล้วนสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงของเฉินถิงเซียวค่อนข้างชัดเจน
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
ตอนนี้ในใจเธอยังกังวลอีกเรื่องนึงอยู่
นั่นก็คือลี่จิ่วเชียน
เรื่องของลี่จิ่วเชียนยืดเยื้อมานานพอแล้ว ขืนยืดเยื้ออีกต่อไป เธอกลัวจะเกิดเรื่องอีก สู้ถามให้รู้ชัดโดยเร็วไปเลยดีกว่า
ทานอาหารเช้าเสร็จ มู่น่อนน่อนพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ:“คุณกับมู่มู่จะไปตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ?ฉันมีธุระต้องออกไปค่ะ”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“คุณจะไปไหน?”
“ไปถามอะไรลี่จิ่วเชียนหน่อยค่ะ”มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ปิดบัง
เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่นึง จู่ๆได้เปิดปากพูดคำนึง:“ผมไปด้วย”
“คุณไปทำไมคะ?”มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอย่อมไม่คิดอยู่แล้วว่าที่เฉินถิงเซียวไปเป็นเพราะว่าเธอไปเขาถึงได้ตามไปด้วย
เฉินถิงเซียวพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“ไปหาหมอ”
……
รถยนต์ได้จอดลงที่หน้าศูนย์ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาของลี่จิ่วเชียน
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่เบาะนั่งฝั่งคนขับ มู่น่อนน่อนนั่งอยู่เบาะนั่งข้างคนขับ
เธอมองผ่านกระจกรถแว๊บนึง ศูนย์ของลี่จิ่วเชียนน่าจะเพิ่งเปิดทำการ ยังสามารถเห็นพนักงานทำความสะอาดกำลังทำความสะอาดอยู่
ทั้งสองมาทำเรื่องทางการ ก็เลยไม่ได้ให้เฉินมู่มาด้วย เฉินถิงเซียวได้โทรให้คนมารับเธอกลับวิลล่าไปแล้ว
มู่น่อนน่อนเปิดประตูรถลงไป และได้หันมาทางเฉินถิงเซียว:“ฉันโทรหาลี่จิ่วเชียนก่อนค่ะ”
เฉินถิงเซียวกำลังจะพูด จู่ๆแววตาได้เคร่งขรึมขึ้นมา เขามองไปที่ข้างหน้าแล้วพูด:“ไม่ต้องโทรแล้ว”
มู่น่อนน่อนมองไปตามสายตาของเขา ก็เห็นลี่จิ่วเชียนกำลังขับรถมาทางนี้อย่างช้าๆ
“บังเอิญจังเลยครับ?พวกคุณมาด้วยกันเหรอครับ?”
ลี่จิ่วเชียนลงจากรถ ชุดสูทสีขาวทั้งตัวค่อนข้างแสงจ้าตา
เขาพูดจบ ก็ได้หันมาทางมู่น่อนน่อน:“น่อนน่อน จะมาทำไมไม่โทรบอกผมก่อนล่ะครับ ถ้าเกิดตอนที่คุณมาผมมีคนไข้อยู่ คุณไม่ใช่ต้องวิ่งเสียเที่ยวเลยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วพูด:“ฉันกำลังจะโทรหาคุณ คุณก็มาพอดีเลยค่ะ อีกอย่างตอนนี้คุณก็ยังไม่มีคนไข้ไม่ใช่เหรอคะ”
ลี่จิ่วเชียนยิ้ม จากนั้นสายตาได้หล่นอยู่บนรถยนต์คันที่อยู่ด้านหลังของทั้งคู่
เขารู้ว่ามู่น่อนน่อนก็ได้ซื้อรถแล้วเหมือนกัน และข้างหลังของทั้งคู่มีรถอยู่แค่คันเดียว แถมยังเป็นรถเบนลี่ด้วย
รถเบนลี่คันนี้ย่อมเป็นของเฉินถิงเซียวอยู่แล้ว
นั่นก็หมายความว่า เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนมาด้วยกัน ไม่ได้มาเจอกันที่นี่โดยบังเอิญ
ลี่จิ่วเชียนดึงสายตากลับอย่างเป็นธรรมชาติมาก พร้อมยิ้มอ่อนๆ:“เชิญมากับผมครับ”
มาถึงออฟฟิศ ลี่จิ่วเชียนให้เลขารินน้ำชาให้เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อน ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม:“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณเฉินจะมารักษากับผมจริงๆ”
“คุณลี่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ในประเทศหาหมอจิตแพทย์ที่เก่งกว่าคุณไม่ได้แล้วครับ”ถึงแม้คำพูดของเฉินถิงเซียวเหมือนกำลังชื่นชม แต่น้ำเสียงกลับฟังไม่ออกเลยสักนิดว่ากำลังชื่นชมอยู่ สงบนิ่งจนราวกับกำลังบรรยายความจริงอย่างนึง
ราวกับกำลังบอกว่า:ถ้าไม่ใช่ว่าในประเทศหาหมอจิตแพทย์ที่เก่งกว่าคุณไม่ได้ ผมจะมาหาคุณเหรอ?
แต่ลี่จิ่วเชียนจะเข้าใจเป็นแบบนี้หรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...