ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 490

สรุปบท บทที่ 490 ข้อเรียกร้องที่อ้อมค้อม: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

อ่านสรุป บทที่ 490 ข้อเรียกร้องที่อ้อมค้อม จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)

บทที่ บทที่ 490 ข้อเรียกร้องที่อ้อมค้อม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Meow(○` 3′○) อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ในมือของเฉินมู่กอดตุ๊กตาเสือน้อยไว้ เธอได้เรียกอย่างมีความสุข:“แม่คะ!”

มู่น่อนน่อนย่อมไม่ใส่สีหน้าให้เฉินมู่อยู่แล้ว เธอยิ้มให้กับเฉินมู่ เฉินมู่ก็ได้หอบเจ้าเสือน้อยไว้แล้วเดินเข้าไปในบ้าน

หลังจากเฉินมู่เข้าไป มู่น่อนน่อนถึงสังเกตเห็นว่าเฉินมู่ยังได้สะพายกระเป๋าเล็กๆมาใบนึงด้วย

กระเป๋าใบเล็กมาก เป็นแค่กระเป๋าใส่ของเล่นใบนึง

เห็นสายตาของมู่น่อนน่อนจ้องอยู่ที่กระเป๋าของเฉินมู่ เฉินถิงเซียวได้ส่งเสียงอธิบาย:“ด้านในใส่ตัวต่อไม้ไว้”

มู่น่อนน่อนฟังแล้วหันมามองเฉินถิงเซียว ก็เห็นเขาได้หิ้วกระเป๋าเข้ามาแล้ว

ได้เดินเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย

เฉินมู่คุ้นเคยกับบ้านของมู่น่อนน่อน เธอได้ไปนั่งบนโซฟาอย่างเป็นกันเองมาก เทของเล่นในกระเป๋าใส่บนโซฟาแล้วเริ่มเล่นขึ้นมา

มู่น่อนน่อนมองเธอแว๊บนึง จากนั้นได้ดึงเฉินถิงเซียวออกไปข้างนอก

มาถึงนอกห้อง เธอได้ปล่อยเฉินถิงเซียวแล้วพูด:“เฉินถิงเซียว คุณหยุดได้แล้ว!”

เฉินถิงเซียวทำสีหน้าให้จริงจัง และมองเธออย่างไม่รีบร้อน:“คุณไม่พักที่บ้าน ผมกับมู่มู่มาย้ายมาพักกับคุณที่นี่ มีอะไรไม่ถูกเหรอ?”

“คุณรู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงอันนี้”มู่น่อนน่อนเอามือก่ายหน้าผากอย่างค่อนข้างหงุดหงิด

เฉินถิงเซียวแกล้งเข้าใจความหมายของเธอบิดเบือน

“แล้วคุณหมายถึงอันไหน?”เฉินถิงเซียวถามเธออย่างมีความอดทน น้ำเสียงไม่มีความหงุดหงิดเลยสักนิด

มู่น่อนน่อนขยับริมฝีปากแล้วไม่มีอะไรจะพูด

จู่ๆเฉินถิงเซียวได้เดินมาข้างหน้าครึ่งก้าว หัวรองเท้าของเขาได้ชนกับหัวรองเท้าของเธอ พอก้มหน้าก็จะสามารถเห็นขนตางอนยาวที่เธอหลุบตาไว้

สรุป ระยะห่างของทั้งสองใกล้กันมาก

“ผมคือเฉินถิงเซียว คือเฉินถิงเซียวที่คุณรู้จักเมื่อสามปีก่อน และเป็นพ่อของมู่มู่ ถึงแม้ความทรงจำของผมไม่สมบูรณ์แบบ แต่ผมจำเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนหลังได้ชัดเจน ผมก็ยังเป็นผม คุณกำลังเกรงกลัวอะไรอยู่?”

เสียงของเขาทุ้มต่ำแต่อ่อนโยน แฝงด้วยพลังของการปลอบใจคน

เวลาห่างกันนานเกินไป มู่น่อนน่อนใกล้จะลืมไปแล้วว่าเฉินถิงเซียวก็มีด้านที่อ่อนโยนอยู่เหมือนกัน และใช้วิธีของเขาปลอบเธอด้วยความอดทน

มู่น่อนน่อนถูกเขาพูดแทงใจ ได้สีหน้าเปลี่ยนและปฏิเสธเสียงแข็ง:“ฉันไม่ได้เกรงกลัวอะไรสักหน่อย”

ตอนที่ออกมาจากในเขา เฉินถิงเซียวยังทำหน้าเย็นชาอยู่ จู่ๆตอนนี้เขาก็เปลี่ยนไปเหมือนเมื่อก่อน……

การเปลี่ยนแปลงนี้เร็วเกินไป มู่น่อนน่อนต้องใช้เวลาบรรเทาก่อน

พูดจากอีกด้านนึง ความรู้สึกในใจเธอก็ค่อนข้างซับซ้อน

ก่อนหน้านี้เธอเคยจินตนาการ ไม่ก็หานักสะกดจิตที่สะกดจิตให้เฉินถิงเซียวเจอ ให้ความทรงจำของเฉินถิงเซียวกลายเป็นสมบูรณ์แบบ หรือไม่ก็ให้เฉินถิงเซียวกลับมารักเธอใหม่อีกครั้ง

แต่ว่า จู่ๆเฉินถิงเซียวก็จำอะไรได้บ้างแล้ว

ในความทรงจำที่เขาจำได้นี้ เขามีใจให้มู่น่อนน่อนอยู่

แต่ว่า ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้ประสบเรื่องภายหลังเหล่านั้นด้วยกัน

เขาบอกเขาล้วนรู้หมด แต่เขาไม่มีความทรงจำเหล่านั้น ไม่มีความสมจริงที่ได้ประสบพบเจอมา มู่น่อนน่อนรู้สึกมันก็ยังขาดอะไรนิดหน่อยอยู่

คำที่“ใช่เหรอ”ของเฉินถิงเซียวพูดเป็นคำบรรยาย ดูเหมือนก็ไม่อยากได้คำตอบจากเธอเหมือนกัน

“เฉินซิงเซียว!”

จู่ๆด้านในมีเสียงของเฉินมู่ดังขึ้น

เฉินถิงเซียวยื่นมือลูบศีรษะเธอเบาๆ จากนั้นได้จูงมือของเธอไว้:“เข้าไปเถอะ มู่มู่กำลังหาพวกเราอยู่”

มู่น่อนน่อนอยากขัดขืนออกจากมือของเขาด้วยจิตใต้สำนึก แต่เขาจูงไว้แน่นเกิน ได้กุมมือเธอไว้อย่างกับคีม ขัดขืนยังไงก็ขัดขืนไม่ออกเลย

เธอหันไปมองเขา ก็เห็นสีหน้าเขาไม่มีอะไรผิดปกติเลย

มู่น่อนน่อนหดหู่ แต่เฉินมู่อยู่ในบ้าน จะทะเลาะกับเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้

เฉินถิงเซียวยักคิ้วและไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ถือกระเป๋าเข้าไปในห้องนอนรับแขก

ก่อนหน้านี้เขาเคยนอนที่ห้องนอนรับแขกครั้งนึง ก็ถือว่าค่อนข้างคุ้นเคยอยู่

มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างประตู เห็นเฉินถิงเซียวเปิดกระเป๋าและเอาของในกระเป๋าออกมา

กระเป๋าสัมภาระของเขาไม่ใหญ่ กระเป๋าครึ่งนึงได้ยัดด้วยของเล่นหลากหลายสีของเฉินมู่ อีกครึ่งนึงคือเสื้อผ้าของเขา

ดูคร่าวๆแล้ว เสื้อผ้าที่เขาเอามาล้วนเป็นโทนสีมืดหมด เป็นเสื้อเชิ้ตและสูทหมด

เขาเอาของเล่นออกมาก่อน จากนั้นค่อยเอาชุดสูทและเสื้อเชิ้ตออกมา

มู่น่อนน่อนยืนดูอยู่หน้าห้องไปพักนึง สุดท้ายอดถามไม่ได้:“เสื้อผ้าแค่สองชุด?”

เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมามองเธอ:“ลูกสาวคุณอะไรก็จะเอามาหมด ถ้าผมให้เอามาล่ะก็ เธออาจจะเอาของเล่นมาหมดเลย”

ความหมายของคำพูดที่แอบซ่อนไว้ลึกที่สุดในใจก็คือกำลังบอกว่า เพราะของที่เฉินมู่จะเอามามีเยอะมาก เขาก็เลยเอาเสื้อผ้ามาแค่สองชุด

พอวิเคราะห์แล้ว เหมือนในคำพูดเขามีส่วนประกอบของการแกล้งทำตัวน่าสงสาร

มู่น่อนน่อนรู้สึกตัวเองคงจะถูกเฉินถิงเซียวบีบจนบ้าไปแล้ว แค่คำนี้คำเดียวก็สามารถคิดเชื่อมโยงได้เยอะขนาดนี้

ตู้เสื้อผ้าของห้องนอนรับแขกว่างเปล่า และไม่มีไม้แขวนเสื้อเลย

มู่น่อนน่อนหันหลังเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง ได้เอาไม้แขวนเสื้อหลายอันมาให้เฉินถิงเซียวแขวนเสื้อ

ตั้งแต่เด็กของใช้ชีวิตประจำวันของเฉินถิงเซียวจะมีคนคอยจัดเตรียมไว้ให้ตลอด ถึงหลังจากใช้ชีวิตอยู่กับมู่น่อนน่อน ก็เป็นคนที่จะทำอะไรหลายๆอย่างเอง แต่ของที่ใช้ล้วนหรูหรามาก

ไม้แขวนเสื้อที่มู่น่อนน่อนเอามาคือไม้แขวนเสื้อที่ธรรมดามาก ไม่สามารถค้ำจูนให้ชุดสูทของเขาอยู่ทรงได้ หลังจากเขาแขวนเสื้อเสร็จ ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

มู่น่อนน่อนส่งเสียงพูด:“วันหลังคุณกลับไปเอาไม้แขวนเสื้อที่บ้านมาเอง หรือไม่ก็ออกไปซื้อ”

เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาทันที แววตาระยิบระยับเล็กน้อย:“ออกไปซื้อด้วยกัน?”

มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเขา:“คุณนี่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้รึไงคะ?” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม