บทที่ 511 เดี๋ยวฉันไปแย่งคืนมาให้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 511 เดี๋ยวฉันไปแย่งคืนมาให้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ดวงตาของเฉินถิงเซียวที่เดิมทีดำสนิทอยู่แล้ว เหมือนถูกย้อมด้วยน้ำหมึกจนสีเข้มมากขึ้น จ้องเขม็งไปทางลี่จิ่วเชียน “คนของผม ผมไม่ครอบครองไว้เอง จะให้ส่งให้คนอื่นหรือไง?”
ลี่จิ่วเชียนตกตะลึงไปสักพัก ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณเฉินพูดมีเหตุผลครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ ยังมีคนรอผมอยู่ข้างนอก”
เฉินถิงเซียวรู้ว่าเขาจงใจพูดแบบนี้ จึงพูดขึ้นว่า “มีคนรออยู่” ไม่ได้หมายความว่ามู่น่อนน่อนกำลังรอเขาอยู่หรือไง
เฉินถิงเซียวไม่เคยเป็นคนดีอะไร และลี่จิ่วเชียนก็พูดถึงขนาดนี้แล้วถ้าเฉินถิงเซียวยังเกรงใจอีก เขาคงไม่ใช่เฉินถิงเซียวแล้ว
“งั้นก็ปล่อยให้เธอรอไป” เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปทันที
ในตอนแรกลี่จิ่วเชียนยังไม่เข้าใจความหมายจากคำพูดของเฉินถิงเซียว
แต่วินาทีต่อมา หลังจากที่มีบอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้ามาจากข้างนอก ลี่จิ่วเชียนก็เข้าใจทันทีว่าเฉินถิงเซียวหมายความว่ายังไง
ความหมายชัดเจนมาก เฉินถิงเซียวตั้งใจจะให้บอดี้การ์ดจับตาดูเขาไว้ ไม่ให้เขาออกไป
ลี่จิ่วเชียนรู้สึกว่าเขามองเฉินถิงเซียวผู้ชายคนนี้ดีเกินไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ยากที่จะรักษาไว้ได้อีกต่อไป
“เฉินถิงเซียว กับน่อนน่อนคุณก็ไร้เหตุผลแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?” ใครเขาขังคนตามอำเภอใจแบบนี้กัน?
เฉินถิงเซียวเมินเฉยต่อคำพูดของเขา แล้วพูดสั่งบอดี้การ์ด “หลังจากงานเลี้ยงจบ ส่งคุณลี่กลับด้วย”
หลังจากนั้น เฉินถิงเซียวล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสูท แล้วเดินออกไปช้าๆ
หลังจากประตูปิดลง บอดี้การ์ดก็พูดกับลี่จิ่วเชียนอย่างเรียบนิ่งว่า “คุณลี่ รบกวนส่งโทรศัพท์มาด้วยครับ”
ลี่จิ่วเชียน “...”
เฉินถิงเซียวคิดได้รอบคอบมาก
ลี่จิ่วเชียนหายใจเข้าลึก แล้วยื่นโทรศัพท์ให้บอดี้การ์ด
พวกบอดี้การ์ดทำตามคำสั่งของเฉินถิงเซียวก่อนหน้านี้ รีบกดหาหมายเลขโทรศัพท์ของมู่น่อนน่อน แล้วพิมพ์ข้อความส่งออกไป
พอเห็นแบบนี้ ลี่จิ่วเชียนจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณส่งอะไรไป?”
บอดี้การ์ดเหลือบมองเขา แต่ไม่พูดอะไร และไม่คืนโทรศัพท์ให้เขาด้วย
ลี่จิ่วเชียนกำหมัดแน่น แล้วคลายหมัดลงอีกครั้ง
……
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าที่ถืออยู่สั่นเล็กน้อย
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู พบว่าเป็นข้อความที่ลี่จิ่วเชียนส่งมาให้เธอ
“ผมมีธุระ ขอตัวกลับก่อน”
ประโยคง่ายๆ ดูไม่มีอะไรพิเศษ
มู่น่อนน่อนจ้องมองข้อความนี้สักพัก แล้วมองไปที่ทางเข้างานเลี้ยง
เธอเห็นเฉินถิงเซียวที่เดินเข้าไปในงานเลี้ยงพอดี ลี่จิ่วเชียนไม่ได้เดินตามหลังเขาเข้ามาด้วย
เสิ่นเหลียงเองก็เห็นเฉินถิงเซียว จึงถามมู่น่อนน่อน “คุณหมอลี่ล่ะ?”
“เขาบอกว่ามีธุระต้องกลับก่อน” มู่น่อนน่อนพูดโดยไม่หันกลับไปมอง
เสิ่นเหลียงพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “อะไรจะเร่งด่วนขนาดนั้น มาบอกลากันก่อนจะกลับก็ไม่มี”
เฉินถิงเซียวไม่ได้มองทางนี่ด้วยซ้ำ เขาเดินตรงเข้าไปนั่งข้างเฉินชิงเฟิง
มู่น่อนน่อนก้มหน้าลง กดหาหมายเลขโทรศัพท์ของลี่จิ่วเชียนในโทรศัพท์มือถือ แล้วกดโทรหาเขา
แต่เพิ่งโทรติดก็ถูกตัดสายทิ้งไปแล้ว
หลังจากนั้นเธอก็ได้รับข้อความว่า “กำลังขับรถ”
มู่น่อนน่อนมองไปที่เฉินถิงเซียวสักพัก จากนั้นก็ก้มหน้าลงครุ่นคิด
ถ้าเฉินถิงเซียวคิดจะทำอะไรกับลี่จิ่วเชียนจริงๆ เขาคงไม่พาลี่จิ่วเชียนไปต่อหน้าเธอ
ลี่จิ่วเชียนคงมีธุระต้องไปจัดการจริงๆ
อาจเป็นเพราะมีซูเหมียนอยู่ด้วย จึงแทบไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้ามาใกล้เฉินถิงเซียวเลย
คนที่มาในงานคืนนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนดังในแวดวงธุรกิจ แต่ภูมิหลังทางตระกูลของซูเหมียนดีกว่าคนดังหรือนักธุรกิจเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามีปัญหากับเธอ
เสิ่นเหลียงด่ากู้จือหยั่นไม่ได้เรื่องอยู่ในใจ ก่อนจะถามอย่างไม่แน่นอน “ให้ฉันช่วยเธอไปมู่มู่คืนมาไหม”
พอเฉินถิงเซียวเห็นเฉินมู่ เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปหาซูเหมียน
ในเวลานี้ เขาก็แย่งเฉินมู่จากอ้อมกอดของซูเหมียน
สีหน้าของเฉินถิงเซียวกับสีหน้าของมู่น่อนน่อนบึ้งตึงเหมือนกัน เขาอุ้มเฉินมู่มา แล้วกดศีรษะของเธอแล้วกดศีรษะของเธอฝังเข้าไปในหน้าอกของเขา
ดวงตาของแต่ละคนในงานแทบจะถลนออกมา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เด็กคนนั้นกำลังเรียกซูเหมียนว่าแม่ใช่ไหม?”
“หรือว่าข่าวลือก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องจริง! พวกเขามีลูกด้วยกันแล้วจริงๆ ด้วย…”
คนพวกนั้นกำลังซุบซิบคุยกันเรื่องเฉินมู่ และยังมีคนทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจมาทางมู่น่อนน่อน
ทุกคนต่างก็คิดว่า มู่น่อนน่อนพยายามตามตื้อเฉินถิงเซียวเพื่อกลับมคืนดีกันตลอด เพื่อจะคืนดีกับเฉินถิงเซียวเธอยอมทำแทบจะทุกอย่าง
ตอนนี้ เฉินถิงเซียวไม่เพียงแต่ “ยอมรับ” ซูเหมียนเท่านั้น เขายัง “มีลูก” กับซูเหมียนแล้วด้วย
และมู่น่อนน่อนอดีตภรรยาที่อยากกลับมาคืนดีดูน่าสงสารมาก
อีกทั้งยังมีคนถึงกับจงใจเดินไปดูมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนยกริมฝีปากขึ้น แล้วยิ้มเยาะขึ้นมา “ไปกันเถอะ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็พาเสิ่นเหลียงเดินออกไป
เสิ่นเหลียงบ่นพึมพำ “จะออกไปทั้งแบบนี้เลยเหรอ? ฉันอยากไปจัดการซูเหมียนเดี๋ยวนี้เลย”
เธอรู้สึกว่าซูเหมียนน่ารังเกียจยิ่งกว่ามู่หวั่นขีซะอีก
มู่น่อนน่อนพูดโดยไม่หันกลับมามอง “ไม่ต้องร้อนใจ”
“???” เสิ่นเหลียงพูดด้วยความตกใจ “ฉันเข้าใจได้ไหม ว่าเธอตกลงจะไปจัดการซูเหมียนฉัน?”
มู่น่อนน่อนแววตาเย็นชา “คนที่ไม่รู้จักขอบเขตของตัวเอง สุดท้ายแล้วกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...