ทั้งสองคนหอบหายใจแรง
ฝ่ามือใหญ่ของเฉินถิงเซียววางลงบนมือที่กำหมัดแน่นของเธอ แล้วค่อยๆ กุมมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน และจับมือเธอไว้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณแต่งงานกับผมได้ไหม”
“อืม...” ตอนนี้สติของมู่น่อนน่อนเหลือเพียงครึ่งเดียว ที่เธอตอบจึงเป็นการตอบสนองของจิตใต้สำนึกอย่างสมบูรณ์แบบ
วินาทีต่อมา เขาก็ประทับจุมพิตที่พรั่งพรูไปทั่วใบหน้าและเรือนร่างของเธอ
…….
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง แสงแดดที่แยงตาลอดผ่านช่องผ้าม่านเข้ามา
ทั้งสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงในห้องนอน
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ที่ข้างเตียงก็สั่นขึ้นมากะทันหัน ก่อนที่เสียงเรียกเข้าที่ปลุกจิตวิญญาณและทำลายความเงียบของเช้าวันนี้
มู่น่อนน่อนฝังทั้งหัวของเธอไว้ในผ้าห่ม แต่ก็ยังได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ เธอไม่ได้ดึงผ้าห่มออก เพียงแต่เหยียดแขนเรียวของเธอออกไป เพื่อควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ข้างเตียง
ที่แตกต่างไปจากเดิม คือครั้งนี้เธอยังความหาโทรศัพท์ไม่เจอ แต่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็หยุดลงก่อน
มู่น่อนน่อนลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่ง แล้วดึงผ้าห่มลง ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมา เธอก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของผู้ชายดังขึ้นมาข้างหูว่า “ยังเช้าอยู่ นอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพูด เขาก็ดึงผ้าห่มมาห่มให้เธอด้วย
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะมองไปตามเสียง ที่เห็นตรงหน้าคือใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายของเฉินถิงเซียว
พอเห็นมู่น่อนน่อนเหล่มองมาที่เขา ท่าทางของเฉินถิงเซียวก็ยังง่วงนอนและขี้เกียจ แม้แต่สายตาของเขาก็อ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
เขาจูบหน้าผากมู่น่อนน่อนเบา ๆ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง “นอนเถอะ”
เมื่อคืนที่ผ่านมามู่น่อนน่อนเหนื่อยจริงๆ ตอนนี้พอถูกเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยนของเฉินถิงเซียวปลอบโยน เธอจึงหลับตาลงและผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่มู่น่อนน่อนลืมตาตื่น เธอก็ได้ยินเฉินถิงเซียวกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยเสียงเคร่งขรึม
เธอขยับร่างกายส่วนบนของเธอขึ้นมา แล้วเห็นว่าเฉินถิงเซียวกำลังสวมผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอวเธอ ในมือจับโทรศัพท์ไว้แล้วเดินออกไปข้างนอก ในขณะที่พยายามลดเสียงลงเพื่อคุยกับคนที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์
เสียงของเขาเบามาก และกำลังจะออกไปข้างนอก มู่น่อนน่อนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดชัดเจนนัก
ได้ยินแค่บางคำและบางประโยคเท่านั้น
“ไร้ความสามารถ...นี้...เรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้...นาย...เขาไม่ใช่...”
มู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดติดต่อกันเป็นระยะ แต่ไม่สามารถรวบรวมประโยคของเขาให้สมบูรณ์ได้
ในตอนนี้เฉินถิงเซียวเดินไปที่ประตูแล้ว เขาเดินออกไปข้างนอก ก่อนจะปิดประตูด้วยหลังมือแล้วเดินออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นว่ามู่น่อนน่อนตื่นนอนแล้ว
แต่เขาเพิ่งเอามือแตะลูกบิดประตู ก็หันกลับมามองที่เตียง ราวกับว่ากำลังพิสูจน์ด้วยว่ามู่น่อนน่อนยังหลับอยู่หรือเปล่า
เพราะแบบนี้ ดวงตาของทั้งสองจึงปะทะกันกลางอากาศ
เฉินถิงเซียวที่กำลังจะปิดประตูก็หยุดลง ก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์ เดินกลับไปที่เตียง “ตื่นมาทำไมครับ นอนพักต่ออีกสักหน่อยเถอะ”
เธอมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม จู่ๆ เรื่องที่เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในสมอง...
ทั้งที่เธอกับเฉินถิงเซียวกำลังทะเลาะกัน กำลังพูดถึงลี่จิ่วเชียน ทำไมพวกเธอถึงม้วนตัวอยู่ด้วยกันในตอนท้าย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...