เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อน ก่อนจะยกยิ้มอย่างลึกลับ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหา เขาเปิดคลิปเสียงออกมาต่อหน้ามู่น่อนน่อน
“แต่งงานกับผมนะ?”
“อืม……”
น้ำเสียงของชายหนุ่มนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มู่น่อนน่อนฟังออกว่านั่นคือเสียงของเฉินถิงเซียวจริงๆ
และเสียงตอบกลับที่เบาบางนั่น...
สีหน้าของมู่น่อนน่อนดูกระดากใจ เธอเหลือบมองไปที่เฉินถิงเซียวที่กำลังมองเธออยู่สักพักแล้ว จากนั้นก็มองที่โทรศัพท์มือถือของเขา ก่อนจะกำหมัดแน่น แล้วเอื้อมมือไปคว้ามาตอนที่เฉินถิงเซียวไม่ทันตั้งตัว
แต่ว่า จากการสังเกตของเฉินถิงเซียว ทำไมเขาจะมองไม่ออกว่ามู่น่อนน่อนอยากจะแย่งโทรศัพท์ไป
เขาหลบเลี่ยงมือของมู่น่อนน่อนอย่างรวดเร็ว และเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
แล้วเธอก็ถามเธอด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์ว่า “ได้ยินหรือยัง”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก แล้วพูดว่า “แบบนี้ไม่นับค่ะ!”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ถามเธอว่า “เสียงนี้เป็นเสียงคุณพูดเองใช่ไหม?”
“…” มู่น่อนน่อนนิ่งเงียบ เสียงนั้นเป็นเสียงของเธอจริงๆ และเธอก็พูดเองด้วย
แต่ในสถานการณ์แบบเมื่อคืนนี้ เธอไม่ได้ยินคำถามของเฉินถิงเซียวอย่างชัดเจน และเธอก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขาด้วย
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากและก่นด่า “เลวที่สุดเลย”
“คุณด่าได้ตามสบาย ยังไงคุณก็ตอบตกลงเองอยู่แล้ว” เฉินถิงเซียวไม่เพียงแต่ไม่โมโหตอนที่ถูกเธอด่า แต่ยังกล้าทำท่าทางกระดากอายแล้วเข้ามาจูบเธอ
มู่น่อนน่อนหันกลับมา แล้วตบหน้าผากของเฉินถิงเซียว ก่อนจะดันศีรษะของเขาออกไป
“ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณค่ะ!”
เฉินถิงเซียวยกยิ้ม “ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องเจอหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว”
มู่น่อนน่อนถูกเฉินถิงเซียวทำให้โมโห ชายผู้นี้รู้จักคำว่า “อับอาย” บ้างไหม?
ในเวลานี้เอง กริ่งประตูก็ดังขึ้นมา
“เดี๋ยวผมไปเปิดประตูเอง” เฉินถิงเซียวลุกขึ้นยืน แล้วเตรียมจะเดินไปเปิดประตู
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินออกมา เธอเห็นเฉินถิงเซียวกำลังจัดวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ โลโก้บนกล่องบรรจุภัณฑ์เขียนไว้ว่า โรงแรมจีนติ่ง
น่าจะเป็นเฉินถิงเซียวที่โทรไปสั่งกับทางโรงแรมจีนติ่ง
ให้นำอาหารเช้ามาส่ง
เฉินถิงเซียวได้ยินเสียงฝีเท้าจึงมองกลับมาที่เธอ “มากินข้าวเช้ากัน”
มู่น่อนน่อนเดินไปนั่งลงเงียบๆ
ระหว่างรับประทานอาหารเช้า มู่น่อนน่อนแทบไม่พูดอะไรเลย
เฉินถิงเซียวซึ่งเป็นคนพูดน้อย แต่วันนี้กลับพูดมากเป็นพิเศษ และชวนเธอพูดเป็นครั้งคราว
แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจเขา แต่เธอก็ฟังที่เขาพูดทุกคำ
“ผมได้สั่งให้สือเย่ไปเตรียมการแล้ว ไม่กี่วันนี้คงจะเตรียมการเรียบร้อย ถึงตอนนั้นไปเลือกชุดแต่งงานกัน”
“ถ้าคุณอยากให้คุณเสิ่นไปด้วย คุณก็...”
มู่น่อนน่อนยังคงนิ่งเฉย แต่เฉินถิงเซียวยังคงไม่บอกรายละเอียดอะไรกับเธอ
หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เฉินถิงเซียวก็ออกไปทันที
มู่น่อนน่อนถึงมีเวลาโทรหาเสิ่นเหลียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...