เสิ่นเหลียงมีนิสัยใจร้อน คราวนี้จึงเริ่มด่าเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก “เธอรอฉันพูดจบก่อนสิ!”
“ได้ๆๆ เธอพูดให้จบสิ” เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเหลียงไม่สนใจคำพูดหลังจากนี้ของเธอแล้ว เธอหมุนแก้วในมือเล่น
มู่น่อนน่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เขาบอกว่า จะมอบบริษัทเฉินซื่อให้ฉัน”
“อะไรนะ มอบบริษัทเฉินซื่อให้เธอ?” เสิ่นเหลียงพูดโดยไม่รู้สึกว่ามีอะไร
ทว่าเมื่อผ่านไปสองวินาที เธอก็รู้สึกตัวขึ้นได้ว่ามู่น่อนน่อนพูดว่าอะไร จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรง คว้ามือของมู่น่อนน่อนเอาไว้ “เธอพูดว่าอะไรนะ เธอพูดอีกรอบสิ?”
มู่น่อนน่อนเอ่ยซ้ำอีกรอบ “เฉินถิงเซียวบอกว่าจะมอบบริษัทเฉินซื่อให้ฉัน”
เสิ่นเหลียงอ้าปากกว้าง หลังจากนั้นก็รู้สึกตัวว่าท่าทางแบบนี้ไม่น่ามอง จึงดันคางตัวเองขึ้นให้ปากประกบกัน
เสิ่นเหลียงถมึงตาคู่นั้น เสียงที่เอ่ยพูดก็สั่นระริก “เจ้านายใหญ่พูดอย่างนี้จริงๆหรือ”
“จริง....” มู่น่อนน่อนพยักหน้า
“บริ...บริ บริษัทเฉินซื่อ....” เสิ่นเหลียงอ้ำอึ้ง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันต้องตรวจสอบสักหน่อยว่าตอนนี้บริษัทเฉินซื่อมีมูลค่ามากเท่าไรกันแน่”
ล้วนทราบกันดีว่าบริษัทเฉินซื่อนั้นร่ำรวย แต่ไม่มีใครรู้ว่าบริษัทเฉินซื่อร่ำรวยขนาดไหนกันแน่
มู่น่อนน่อนมองเสิ่นเหลียงอย่างรังเกียจครู่หนึ่ง “เธอรู้ไหมว่าตอนนี้บนใบหน้าเธอเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า ‘ฉันชอบเงิน ฉันมีอิทธิพล’ ไม่กี่คำนี้?”
“ใครไม่ชอบเงินกัน ฉันไม่เคยไม่ชอบเงินนะ” เสิ่นเหลียงคิดถึงอะไรบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอทันที “สุภาษิตกล่าวเอาไว้ว่า ได้รับผลประโยชน์มาแล้วต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ถึงตอนนั้นเธอไม่ต้องแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่งหรอก เธอแค่มีทรัพยากรดีอะไรก็ล้วนโยนให้ฉันก็พอแล้ว ให้ฉันสามารถเดินกร่างไปในวงการบันเทิงได้!”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว ก็จงใจเอ่ยว่า “ถ้าหากว่าเธออยากจะเดินกร่างในวงการบันเทิงจริงๆ ก็บอกกับกู้จือหยั่นสักคำก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ”
ในยุคสมัยที่มีดาราหน้าใหม่ที่เป็นกระแสไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ละโมบโลภมากในความสำเร็จตรงหน้าล้วนอาศัยกระแสมาทำให้โด่งดัง เพราะแบบนี้มันง่ายมาก
ส่วนสิ่งที่เสิ่นเหลียงอยากเป็นก็คือนักแสดง
นักแสดงต้องดูฝีมือการแสดง ดังนั้นจึงโด่งดังช้า
บริษัทเสิ้งติ่งมีกู้จือหยั่นเป็นคนนั่งบัญชาการ จึงเป็นธรรมดาที่จะดันเสิ่นเหลียง ทว่าเสิ่นเหลียงไม่ยอมรับบทละครที่กำลังฮิต ดันเลือกแต่บทละครที่ตัวเองชื่นชอบ
เสิ่นเหลียงม้วนแขนเสื้อ แสร้งทำเป็นโกรธ “มู่น่อนน่อน เธออยากจะทะเลาะสินะ?”
เอ่ยจบ เธอก็เอ่ยต่อว่า “เธอกับกู้จือหยั่นไม่เหมือนกัน เธอเจริญ ฉันก็เจริญ ฉันกินของเธอ ใส่ของเธอ ใช้ของเธอ ฉันไม่มีความกดดันในจิตใจแม้แต่น้อย”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันสามารถช่วยพูดกับเฉินถิงเซียวให้เธอได้ แบบนี้ เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะติดค้างอะไรกับกู้จือหยั่นแล้ว”
“พูดเป็นเล่นไป เลือกบทละครที่แสดงได้ มีเงินให้พอใจ ฉันก็พอใจมากแล้ว”
เสิ่นเหลียงวกกลับมาที่หัวข้อสนทนาเดิม “เจ้านายใหญ่พูดแบบนี้จริงๆหรือ เขาจะมอบบริษัทเฉินซื่อให้เธอจริงๆ?”
“อืม”
“เธอกล้ารับหรือ”
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยความคิดที่อยู่ในใจออกมาอย่างซื่อสัตย์ว่า “ไม่กล้า”
“ฮ่าๆๆ....” เสิ่นเหลียงหัวเราะจนตัวงอ “ขี้ขลาด! ให้เธอ เธอก็ไม่กล้ารับ ฮ่าๆๆ!”
“ฉันไม่ใช่พวกที่เชี่ยวชาญการทำธุรกิจ ถ้าบริษัทเฉินซื่อตกอยู่ในมือของฉัน ไม่เกินสามปีก็เจ๊งแล้ว”
“สามปี? เธอให้เกียรติตัวเองเกินไปแล้วจริงๆ”
มู่น่อนน่อน “......”
เสิ่นเหลียงหัวเราะเสร็จแล้วก็ตบไหล่เธอเบาๆ “แต่ว่า เจ้านายใหญ่นั้นใจกว้างเสียจริง บริษัทเฉินซื่อก็ยังสามารถมอบให้เธอได้ แต่ว่าฉันไม่เชื่ออยู่บ้าง....”
“เขาพูดอย่างจริงจังนะ ทั้งยังให้ฉันไปหาเขาที่บริษัทเฉินซื่อในวันพรุ่งนี้ด้วย” มู่น่อนน่อนพิงเข้ากับพนักพิงเก้าอี้ราวกับหมดแรง “ฉันกล้าไปที่ไหนกัน เขาให้ฉันไปพรุ่งนี้ จะต้องให้ฉันเซ็นชื่อแน่นอน ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไรดี”
“ไม่มั้ง? สามารถจัดการขั้นตอนมากมายขนาดนั้นเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็วได้? เธออาจจะคิดมากไป?”
“เป็นไปไม่ได้ เฉินถิงเซียวพูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยพูดโกหกฉัน”
เสิ่นเหลียง “......” รู้สึกว่าถูกอวดแฟนเข้าเต็มๆ
“เธอรู้ไหมว่า ประโยคเมื่อครู่นี้ของเธอ ลอยเข้ามาในหูฉันที่เป็นคนโสดแล้วมันเสียดหูมากแค่ไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...