พอได้ยินแบบนั้น เฉินถิงเซียวก็หรี่ตาลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆ และไม่ยอมพูดอะไรกันอยู่สักพัก
สักพัก เฉินถิงเซียวก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
“แล้วถ้าผมยกบริษัทเฉินซื่อให้คุณล่ะ”
มู่น่อนน่อนตัวแข็งทื่อ ในแววตาปรากฏความตกตะลึง
เธอคิดไม่ถึงว่าเฉินถิงเซียวจะพูดแบบนี้ออกมา
ที่จริงแล้ว ที่เธออยากจะพูดก็เป็นเรื่องนี้เหมือนกัน
เฉินถิงเซียวคนนี้ ดูไปแล้วเหมือนไม่ขาดอะไรเลย เหมือนไม่มีอะไรสามารถจู่โจมเขาได้
เธอไม่ปฏิเสธถึงความสามารถของเขา แต่จนถึงตอนนี้ ออร่ารอบตัวของเขาส่วนใหญ่จะมาจากอิทธิพลของบริษัทเฉินซื่อ
เธออดที่จะอยากทดสอบเฉินถิงเซียวไม่ได้
ถ้าอยากจะทดสอบก็ลองเรื่องใหญ่ๆ ไปเลย
เธอเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน และขอให้สือเย่ส่งเธอมาที่บริษัทเฉินซื่อ ก็เพื่อจะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เธอไม่คิดว่าเฉินถิงเซียวจะพูดออกมาก่อน
อาจเป็นไปได้... ว่าเขาจะอ่านความคิดของเธอออก
แต่เฉินถิงเซียวเป็นคนเคร่งขรึมเกินไป ในตอนที่เขาไม่อยากให้คนอื่นอ่านความคิดของเขาออก เขาจะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มู่น่อนน่อนมองเข้าไปในดวงตาของเขา แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เพราะว่าเฉินถิงเซียวพูดแบบนั้นออกมา มู่น่อนน่อนจึงต้องคิดหาวิธีตอบรับ
เธอยืดตัวตรง พยายามควบคุมน้ำเสียงของเธอให้สงบลง “ใจกว้างจังเลยนะคะ?”
“แม้แต่ผมก็เป็นของคุณ แค่ยกบริษัทเฉินซื่อที่ให้คุณจะเป็นอะไรไป” เฉินถิงเซียวจับมือเธอไว้ แล้วยกขึ้นมาประทับจุมพิตลงไป
คำพูดที่หวานแบบนี้ แต่พอหลุดออกจากปากของเขากลับไม่มีความหวานเลย แต่เหมือนการปฏิญาณตนมากกว่า
ทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า จุดที่น่ากลัวที่สุดของเฉินถิงเซียว ไม่เพียงแต่นิสัยที่ไม่แน่นอนของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขาดูเหมือนจะสามารถอ่านเหตุการณ์ทุกอย่างออกได้ตลอดเวลา
เขาฉลาดมากเกินไป เขารู้วิธีจะทำให้คนคนหนึ่งได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุด และเขายังรู้วิธีทำให้คนซาบซึ้งใจมากที่สุดด้วย
แต่ด้วยความที่เขาอยากเป็นเจ้าของมากเกินไป จนบางครั้งก็รู้สึกหวาดระแวง
มู่น่อนน่อนแปลกใจมากจนลืมเก็บเอามือกลับไป
เฉินถิงเซียวดึงเธอเข้ามากอด แล้วโน้มตัวบดจูบริมฝีปากของเธอ ก่อนจะกระซิบที่หูของเธอ “พรุ่งนี้ในเวลานี้มาหาผมที่บริษัท”
……
จนออกจากบริษัทมา มู่น่อนน่อนยังคงอยู่ในอาการงุนงง
เฉินถิงเซียวให้เธอมาที่บริษัทเฉินซื่ออีกครั้งในวันพรุ่งนี้ นี่เขาคิดจะมอบบริษัทเฉินซื่อให้กับเธอจริงๆเหรอ?
เธอ... เธอแค่พูดเล่น ไม่ได้ต้องการบริษัทเฉินซื่อจริงๆ นะ
มู่น่อนน่อนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว
ตื๊ด——
โทรศัพท์สั่นอยู่สองสามครั้ง
เป็นเสียงเตือนข้อความเข้าจากใน WeChat
มู่น่อนน่อนเปิด WeChat จึงพบว่าเสิ่นเหลียงส่งข้อความมาหาเธอ
เสิ่นเหลียงส่งมาเป็นส่งข้อความเสียง
มู่น่อนน่อนกดฟัง
“งานของฉันเสร็จแล้ว เธอมีเวลาออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม”
“ได้สิ” หลังจากที่มู่น่อนน่อนตอบ ก็เตรียมจะเรียกรถแท็กซี่ไปตามนัด
สือเย่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เขาขับรถไปหยุดจอดตรงหน้าเธอ
เขาลงจากรถและเปิดประตูเบาะหลังให้ “คุณนายน้อยจะไปไหนครับ ฉันจะพาไปเอง”
“เฉินถิงเซียวบอกให้คุณมาเหรอคะ?” มู่น่อนน่อนไม่ได้ขึ้นไปนั่งในรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...