เขาอยู่ใกล้เธอมาก ตอนที่เอ่ยพูด ลมหายใจร้อนผ่าวก็รดลงบนใบหน้าเธอ
มู่น่อนน่อนเซ็นชื่อแล้ว ว่ากันตามเหตุผล ตอนนี้บริษัทเฉินซื่อก็เป็นของเธอ เธอเป็นเจ้านายบริษัทเฉินซื่อแล้วจริงๆ
แต่มีเจ้านายที่ไหนถูกพนักงานของตัวเองบีบบังคับจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้กัน
เฉินถิงเซียวคล้ายกับเล่นจนติดเป็นนิสัยอย่างไรอย่างนั้น เอียงคอจ้องมองมู่น่อนน่อน สายตาคู่นั้นราวกับมองทะลุเธอได้อย่างปรุโปร่งในแวบเดียว
“เจ้านายสามารถบอกได้ว่า ต้องการให้ผมใช้รูปแบบใดในการเอาใจ จะเป็นเรื่องของจิตใจหรือร่างกายล้วนได้หมด”
ใบหน้าของเฉินถิงเซียวประดับไปด้วยรอยยิ้ม คิ้วเข้มสง่างามนั้นอ่อนโยนลงเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด บนกายก็ไร้ซึ่งเงาร่างของประธานบริษัทเฉินซื่อ แต่มีกลิ่นอายของชายหนุ่มธรรมดาที่กำลังพลอดรักเพิ่มขึ้นมาแทน
มู่น่อนน่อนหลุดหัวเราะ ยื่นมือไปดันแผงอกเขา เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณคิดว่าฉันต้องการการเอาใจทางด้านจิตใจหรือว่าร่างกายล่ะคะ”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง ลูกกระเดือกขยับไปมา ยื่นมือไปจับมือที่ดันอยู่บริเวณแผงอกตัวเอง น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “ผมคิดว่าคุณต้องการสิ่งหลัง”
ตอนที่เขาเอ่ยพูด นัยน์ตาดำราวกับน้ำหมึกคู่นั้นก็ไม่ละจากเธอไปแม้แต่นิดเดียว ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับสัตว์ป่าชนิดหนึ่งที่เฝ้ารอการล่าเหยื่อที่มีรสชาติอันโอชะ
มองดูแล้วทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง ทว่ากลับเพิ่มความรู้สึกในการจีบสาวขึ้นมาหลายส่วน
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนสู้เขาไม่ได้
มือที่ดันอยู่ที่แผงอกเขาของเธอ ออกแรงผลักเขาให้ห่างออกไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็แสร้งทำเป็นจัดการเสื้อผ้าบนร่างของตัวเองให้เรียบร้อยด้วยท่าทางสงบนิ่ง “ไม่ใช่บอกว่าหิวหรือ รีบขับรถไปกินข้าวเร็วเข้า”
เฉินถิงเซียวมองเธอ เอ่ยอย่างมีนัยยะลึกซึ้งอื่นๆว่า “ความจริงแล้วข้าวจะกินหรือไม่กินก็ไม่เป็นไร”
มู่น่อนน่อนนึกขึ้นมาได้ว่า ฝีมือการเย้าแหย่เธอของเฉินถิงเซียวนั้นดีเยี่ยมมาตั้งแต่สามปีก่อนหน้านี้แล้ว
มู่น่อนน่อนหน้าตึง น้ำเสียงที่เอ่ยก็สูงขึ้นไปหลายระดับ “ถ้ายังไม่ยอมขับรถอีกจะหักเงินเดือน!”
เฉินถิงเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง และหัวเราะขึ้นมาในเวลาต่อมา
เป็นการหัวเราะเสียงดังจนตัวโยน
เพียงแค่ได้ยินเสียงหัวเราะ ก็สามารถฟังออกว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีมากเพียงใด
มู่น่อนน่อนก็ไม่รู้ว่าเขาอารมณ์ดีเพราะอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆไปด้วย
เฉินถิงเซียวโยนโทรศัพท์มือถือให้เธอ “โทรศัพท์หากู้จือหยั่น”
เขาเอ่ยจบก็ขับเคลื่อนรถ
มู่น่อนน่อนนึกว่าเขามีธุระอะไรจะคุยกับกู้จือหยั่น จึงต่อสายโทรศัพท์หากู้จือหยั่นให้เขา ทั้งยังแนบโทรศัพท์มือถือให้ที่ข้างหูเขาอย่างเอาใจใส่
“มากินข้าวที่โรงแรมจีนติ่ง” เฉินถิงเซียวเอ่ยจบแล้วก็เสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “เรียกฟู้ถิงซีมาด้วย”
เขาไม่รอให้กู้จือหยั่นที่อยู่อีกด้านพูดอะไร ตัวเองเอ่ยจบแล้วก็บอกกับมู่น่อนน่อนว่า “เรียบร้อยแล้ว”
ความหมายก็คือให้มู่น่อนน่อนวางสายโทรศัพท์ได้
มู่น่อนน่อนดึงโทรศัพท์มือถือกลับมา และช่วยเขาเอ่ยกับกู้จือหยั่นว่าบ๊ายบาย
“เฉินถิงเซียวกำลังขับรถ เอาแบบนี้แล้วกันนะ บาย”
กู้จือหยั่นจ้องโทรศัพท์มือถือตัวเอง และจมเข้าสู่การครุ่นคิด
โทรศัพท์สายนี้โทรมาจากโทรศัพท์มือถือของเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวบอกแค่ว่าให้เขาไปกินข้าวที่โรงแรมจีนติ่ง สุดท้ายคนที่วางสายโทรศัพท์คือมู่น่อนน่อน
จากข้อมูลอันน้อยนิดและมีอยู่อย่างจำกัดนี้ กู้จือหยั่นจับประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
เฉินถิงเซียวคืนดีกับมู่น่อนน่อนแล้ว ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมากด้วย
กู้จือหยั่นคิดถึงตัวเองที่ยังโดดเดี่ยวไร้แฟนสาว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความโศกเศร้าที่ปะทุออกมา
เขาถอนหายใจ และโทรศัพท์หาฟู้ถิงซี
เขาพูดคำพูดเดิมที่เฉินถิงเซียวฝากบอก ฟู้ถิงซียิ้มเย็น “ฉันไม่ไป”
“ทำไมถึงไม่ไปล่ะ ยากที่ถิงเซียวจะนัดพวกเราไปกินข้าวสักครั้งนะ” กู้จือหยั่นครุ่นคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง เฉินถิงเซียวเป็นฝ่ายเรียกเขาไปกินข้าว คล้ายกับว่าเป็นเรื่องในชาติที่แล้ว
“บอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป” คำตอบของฟู้ถิงซีแน่วแน่ผิดปกติ
กู้จือหยั่นจึงกลุ้มใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โน้มน้าวฟู้ถิงซีมากนัก และเดินทางไปยังโรงแรมจีนติ่งคนเดียว
.......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...