บทที่ 536 อย่ามาเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 536 อย่ามาเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
แม้ว่าเธอจะเรียกลี่จิ่วเชียนไป ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาทันทีเช่นกัน
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรงหน้าแล้วดู แน่ใจว่าโทรศัพท์ยังอยู่ในสถานะโทรอยู่ จึงได้เอาโทรศัพท์มาวางที่ข้างๆใบหูต่อ พลางเอ่ยพูดออกไป “คุณยังอยู่หรือเปล่า?”
ตอนนี้ฉินสุ่ยซานได้เดินเข้ามาพอดี มู่น่อนน่อนมองไปทางเธอแวบนึง แล้วดันเมนูอาหารไปตรงหน้าฉินสุ่ยซาน
จากนั้น ในสายจึงได้มีเสียงลี่จิ่วเชียนดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอโทษนะ น่อนน่อน ผมมีธุระนิดหน่อยแค่นี้ก่อนนะ”
“งั้นคุณ...”
ไม่รอให้มู่น่อนน่อนได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป ลี่จิ่วเชียนก็ได้วางสายไปทันที
มู่น่อนน่อนเอาโทรศัพท์ลง มองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป ตรงระหว่างคิ้วขมวดครุ่นคิดขึ้นมา
ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าลี่จิ่วเชียนเหมือนกับจงใจวางสายเธอกันนะ?
ปกติแล้วลี่จิ่วเชียนเป็นคนที่ทำอะไรมักจะตระหนักถึงคนอื่นเสมอ ถึงแม้ว่าจะเจอเรื่องอะไร ก็สามารถควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ มีท่าทีสงบนิ่งประหนึ่งไร้คลื่นที่คอยผันผวนอยู่
แต่เมื่อกี้นี้ น้ำเสียงของเขาฟังไปแล้วเหมือนจะผิดปกติอยู่บ้าง
ส่วนผิดปกติที่ตรงไหนนั้น มู่น่อนน่อนเองก็ไม่อาจคาดเดาได้เหมือนกัน
“เฮ้!”
ฉินสุ่ยซานยื่นมือไปโบกที่ตรงหน้ามู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนถึงได้เรียกสติกลับมาในทันที แล้วมองไปทางฉินสุ่ยซาน
มืออีกข้างนึงของฉินสุ่ยซานเท้าอยู่ที่บนโต๊ะอาหาร ตัวเธอได้โน้มเข้ามาข้างหน้า “เธอคิดอะไรอยู่น่ะ? ฉันเรียกเธอหลายครั้งแล้วเธอก็ไม่สนใจฉันเลย”
เมื่อกี้มู่น่อนน่อนกำลังคิดไปอย่างใจจดใจจ่อไปหน่อย จึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉินสุ่ยซานกำลังเรียกเธออยู่ด้วย
“ไม่ได้มีอะไร” มู่น่อนน่อนหลุบตามองต่ำลง สายตาจรดไปที่บนเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าฉินสุ่ยซาน แล้วถามเธอออกไป “สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
ฉินสุ่ยซานพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “สั่งเรียบร้อยแล้ว”
ตอนที่เธอพูดออกมา สายตายังคงอยู่ที่ตัวของมู่น่อนน่อน
ตอนนี้ฉินสุ่ยซานมีความสนใจต่อความสัมพันธ์ของมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียว และลูกสาวของเฉินถิงเซียวที่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงคนนั้นเป็นพิเศษ
แต่เธอก็เข้าใจดีว่ามู่น่อนน่อนไม่มีทางจะบอกเธอ คิดๆไปแล้วก็จำต้องช่างมันไป
หลังจากนั้นตอนที่กินข้าว มู่น่อนน่อนเอาแต่คิดเรื่องลี่จิ่วเชียนอยู่ตลอด ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง
เกี่ยวเนื่องจากคำพูดของเฉินถิงเซียวเมื่อก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าที่ตัวลี่จิ่วเชียนมีจุดที่น่าสงสัยมันเยอะมากเลยจริงๆ เธอต้องไปหาเขาอีกสักหน่อย
กินข้าวเสร็จ มู่น่อนน่อนกับฉินสุ่ยซานได้กลับมาที่สตูดิโอ
ตอนบ่ายที่สตูดิโอไม่มีงานอะไร มู่น่อนน่อนจึงได้กลับออกไปก่อน
ตอนที่เธอออกมา รถคันนั้นที่ตามมาเมื่อเช้ายังตามเธอมาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
คนที่อยู่บนรถคันนั้นเหมือนจะรู้ว่ามู่น่อนน่อนเห็นพวกเขามาตั้งนานแล้ว ก็เลยไม่ได้ตั้งใจจะหลบๆซ่อนๆอีก ตามมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้
มู่น่อนน่อนขับรถมาจอดอยู่ที่ตรงที่สำหรับจอดรถชั่วคราว เอารถไปจอดที่ข้างถนน แล้วผันร่างเดินไปยังรถคันที่ตามเธอมาคันนั้น
เธอเดินเข้าไปที่ตรงหน้ารถ ยื่นมือไปเปิดประตูรถ
เธอลองเปิดดู ปรากฏว่าเปิดไม่ออก...
มู่น่อนน่อนยกเท้าขึ้นไปเตะที่ตัวรถไปทีนึงด้วยความไม่สบอารมณ์ น้ำเสียงเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย “เปิดประตู! อย่ามาเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ ฉันรู้ว่าเฉินถิงเซียวส่งพวกนายมา”
คนในรถได้ยินอย่างนั้น จึงได้ปลดล็อก แล้วเปิดประตูลงจากรถ
การ์ดรูปร่างสูงใหญ่สองสามคน ยืนเรียงแถวกันอยู่ตรงหน้ามู่น่อนน่อน ยืนกันเป็นเส้นตรงอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็ส่งเสียงกันออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความนอบน้อม “คุณหญิงน้อย!”
มู่น่อนน่อนจนใจอยู่บ้าง “นับตั้งแต่ตอนนี้ไปพวกนายไม่ต้องตามฉันมาอีกแล้ว ฉันจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวสักหน่อย”
แน่นอนว่าการ์ดไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว “แต่ว่าคุณผู้ชายสั่งว่า...”
“ออกไปแล้ว?” มู่น่อนน่อนนึกไม่ถึงว่าลี่จิ่วเชียนจะไม่อยู่
หลังจากที่มู่น่อนน่อนประหลาดใจไปชั่วครู่นึง ก็ได้เอ่ยถามออกไป “เขาได้บอกมั้ยว่าไปไหน? จะกลับมาเมื่อไหร่?”
ผู้ช่วยส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย “คุณหมอลี่ไม่ได้บอกค่ะ ฉันก็ไม่ได้ถามไปด้วยเหมือนกัน แต่สามารถโทรหาเขาได้นะคะ”
เดิมทีแล้วมู่น่อนน่อนก็นึกจะมาก็มาเลยอยู่แล้วด้วย ในเมื่อลี่จิ่วเชียนไม่อยู่ ก็ช่างเถอะ
เธอปฏิเสธข้อแนะนำของผู้ช่วย ยิ้มพลางเอ่ยออกไปว่า “ไม่ต้องหรอก ครั้งหน้าฉันค่อยมาใหม่แล้วกัน”
“ได้ค่ะ คุณมู่เดินทางปลอดภัยนะคะ”
มู่น่อนน่อนผันร่างออกไป ทันทีที่เดินไปที่ประตู ก็นึกเรื่องที่เจอลี่จิ่วเชียนที่โรงแรมจีนติ่งเมื่อตอนเที่ยงขึ้นมาได้ จึงหันหน้าไปถามผู้ช่วยอีกครั้ง “วันนี้เมื่อตอนเที่ยงลี่จิ่วเชียนกินอะไร?”
“กินอาหารเดลิเวอรี่ที่ฉันสั่งมาให้เขาค่ะ” ถึงแม้ว่าผู้ช่วยจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆมู่น่อนน่อนถึงได้ถามเรื่องนี้ออกมา แต่ก็ได้พูดความจริงออกไป
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อาหารเดลิเวอรี่?”
ถ้าเมื่อตอนเที่ยงอาหารที่ลี่จิ่วเชียนกินเป็นอาหารเดลิเวอรี่ แล้ว “ลี่จิ่วเชียน” ที่เธอเจอที่โรงแรมจีนติ่งคนนั้นเป็นใครอีกกัน?
“ใช่ค่ะ ก็ร้านอาหารที่อยู่บนถนนฝั่งตรงกันข้ามสายนั้นไงคะ คุณหมอลี่สั่งอาหารจากร้านนั้นตลอดเลย ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นสมาชิกระดับพรีเมียมวีไอพีของร้านอาหารร้านนั้นไปแล้ว!”
ผู้ช่วยเห็นสีหน้ามู่น่อนน่อนแปลกไป จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”
มู่น่อนน่อนระงับอารมณ์ที่ปรากฏออกมาบนใบหน้า พลางเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ “เขาเป็นผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง ทำงานยุ่งทั้งวัน ทางด้านอาหารการกินจะต้องไม่ค่อยได้คำนึงถึงแน่เลย ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน ก็ควรจะต้องเป็นห่วงเป็นใยเขาสักหน่อย”
ผู้ช่วยเชื่อคำพูดของมู่น่อนน่อนไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางเอ่ยออกมาว่า “ก็ใช่ค่ะ คุณหมอลี่เป็นคนดีขนาดนั้น ที่เมืองหู้หยางก็ไม่มีเพื่อนอะไรกับเขาเลยด้วย แล้วยังทำงานล่วงเวลาอยู่เป็นประจำ...คุณมู่คุณมีเวลาก็แนะนำเขาหน่อยนะคะ...”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย “อืม ฉันจะพูดกับเขาให้ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
“คุณมู่ ลาก่อนค่ะ”
“ลาก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...