“คุณคิดว่าไงล่ะ?”ลี่จิ่วชังได้เผยรอยยิ้มที่แทบจะเหมือนกับรอยยิ้มของลี่จิ่วเชียนอีก
ในหัวของมู่น่อนน่อนมีใบหน้าของลี่จิ่วเชียนแว๊บผ่าน มีฉากมีตอนที่เกี่ยวข้องกับลี่จิ่วเชียนเหล่านั้นแว๊บผ่าน
หน้าตาตอนที่เธอฟื้นขึ้นมาจากเตียงผู้ป่วย และลี่จิ่วเชียนยืนยิ้มอ่อนๆอยู่ที่ขอบเตียง
หน้าตาตอนที่มู่หวั่นขีเล่นตุกติกกับรถของเธอแล้วเบรกไม่ทำงาน แล้วลี่จิ่วเชียนเรียกเธอโดดลงจากรถ
แล้วก็……
ถึงแม้ลี่จิ่วเชียนที่อยู่ในความทรงจำของเธอมีจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องที่ทำร้ายเธอ
ยากที่เธอจะเอาลี่จิ่วเชียนที่อยู่ในความทรงจำกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้มาทับซ้อนกัน
ผ่านไปสักพัก มู่น่อนน่อนได้พูดอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาด:“คุณไม่ใช่ลี่จิ่วเชียน!”
ลี่จิ่วชังได้หัวเราะขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ:“ผู้หญิงมักจะชอบหลอกตัวเองอยู่เรื่อยเลย ช่างน่าสงสารและน่าเอ็นดูจริงๆ”
น้ำเสียงของเขาใกล้เคียงกับถอนหายใจ เต็มไปด้วยความสงสารและความเย่อหยิ่งสูงส่ง
ลี่จิ่วชังที่เป็นแบบนี้เหมือนแปลกหน้าสุดๆ
มู่น่อนน่อนยิ่งอยู่ไม่ยอมเชื่อว่าเขาคือลี่จิ่วเชียน
ดูออกว่าแววตาของมู่น่อนน่อนมีความต่อต้าน ลี่จิ่วชังจัดเสื้อผ้าบนแล้วลุกขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดร้ายสุดๆ:“ถ้าผมไม่ใช่ลี่จิ่วเชียน มู่มู่จะเข้าใกล้ผมเหรอ?เด็กมักจะรับรู้ไวกว่าผู้ใหญ่อย่างพวกเราเยอะเลยนะครับ”
ใบหน้าของมู่น่อนน่อนมีความช็อกและความตะลึงที่ซ่อนยังไงก็ซ่อนไม่อยู่
เฉินมู่บอกว่าคุณลุงลี่ก็คือคุณลุงลี่
อยู่ในสายตาเธอ คุณลุงลี่ก็คือลี่จิ่วเชียน ลี่จิ่วเชียนก็คือคุณลุงลี่ ไม่มีลี่จิ่วชังอะไรนั่นหรอก!
พริบตาเดียวในหัวของมู่น่อนน่อนว่างเปล่าและยุ่งเหยิงไปหมด
เธอยื่นมมือไปยกถ้วยน้ำชาที่อยู่ตรงหน้า นิ้วมือขาวผ่องค่อนข้างสั่น
หลังจากทานข้าวเที่ยงแล้ว ลี่จิ่วชังก็ได้ให้คนไปเรียกมู่น่อนน่อนมาจิบน้ำชา ทั้งสองจิบชาอยู่ที่นี่ทั้งบ่ายเลย ครึ่งชั่วโมงก่อนลี่จิ่วชังให้คนใช้ที่ชงชาให้พวกเขาออกไป ตอนนี้น้ำชาได้เย็นหมดแล้ว
กรอกชาที่เย็นเฉียบลงไปแก้วนึง ไม่เพียงแต่กระเพาะที่เย็น มู่น่อนน่อนรู้สึกทั่งร่างกายของตัวเองล้วนเย็นไปหมด
ลี่จิ่วเชียนก็คือลี่จิ่วชัง ลี่จิ่วชังก็คือลี่จิ่วเชียน
บนโลกใบนี้ไม่มีคนที่ชื่อลี่จิ่วชังเลยด้วยซ้ำ
เธอจิบน้ำชาเสร็จ ได้กำถ้วยน้ำชาไว้แน่นไม่ยอมคลายออก
มู่น่อนน่อนยังแอบรู้สึกว่าโชคดี จึงได้ถามความข้องใจออกมา:“แต่คุณมีพี่น้องฝาแฝดคนนึงชัดๆ!”
“สำหรับเรื่องนี้ ก็คือลูกน้องของเฉินถิงเซียวทำงานไม่ได้เรื่องแล้ว”สีหน้าของลี่จิ่วชังนิ่งและใจเย็น:“ใช่ ผมมีพี่น้องฝาแฝดคนนึง แต่เขาอยู่หรือตาย ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนสิ!”
มู่น่อนน่อนอึ้งไปครู่นึงถึงพูดพึมพำว่า:“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง……”
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
ลี่จิ่วเชียนเป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะถูกคนบีบบังคับน้ำตาไปง่ายๆได้อย่างไร แถมยังไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด
และสถานการณ์ภายใต้ตอนนั้น ข้อมูลทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นว่ามีลี่จิ่วชังคนนี้อยู่จริง ส่วนลี่จิ่วเชียนก็ขาดการติดต่อจริงๆ เพราะฉะนั้น มู่น่อนน่อนถึงได้เชื่อมั่นว่ามีคนที่ชื่อลี่จิ่วชังอยู่จริง
“คนที่ฉันเจอในจีนติ่งคือคุณ?”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมามองลี่จิ่วชัง น้ำเสียงไม่ได้สงบนิ่งเหมือนที่ผ่านมาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...