มู่น่อนน่อนเพิ่งพูดจบ เธอก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของอาลั่วเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม ก็ถูกมู่น่อนน่อนสังเกตเห็นอยู่ดี
ดูท่าเธอเดาไม่ผิดว่าอาลั่วชอบลี่จิ่วชังมาก
อาลั่วยิ้มหยันทีนึงแล้วพูดว่า:“ฉันฟังไม่รู้เรื่องว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่!คุณทำหน้าที่ของตัวให้ดีก็พอแล้ว!”
“หน้าที่ของตัวเอง?”มู่น่อนน่อนอ้อมผ่านโต๊ะทำงานของลี่จิ่วชัง เดินมาที่ตรงหน้าของอาลั่วและพูดอย่างสงบเยือกเย็น:“คุณหนูอาลั่ว ไหนคุณลองบอกซิ ว่าฐานะตัวประกันของฉันในตอนนี้ ฉันต้องทำหน้าที่ของตัวเองอะไร?”
คำว่า“คุณหนูอาลั่ว”คำนี้มีความเหน็บแนมอยู่เล็กน้อย
อาลั่วกับมู่น่อนน่อนสูงพอๆกัน ทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหากัน ดวงตาทั้งคู่สบตากัน แอบแข่งกันอย่างลับๆ
ผ่านไปสักพัก อาลั่วได้เคลื่อนย้ายสายตาก่อน และหันหลังจากไปโดยที่ไม่พูดสักคำ
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ข้างหลังเธอ ได้แกล้งทำเสียงสูงถามด้วยความหวังดี:“คุณหนูอาลั่ว ลี่จิ่วชังรู้ว่าคุณชอบเขาหรือเปล่าคะ?จะให้ฉันช่วยบอกเขามั้ย?”
อาลั่วที่เดินมาถึงหน้าห้องได้หันหน้ามาทันที พร้อมพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร:“มู่น่อนน่อน!”
น้ำเสียงของอาลั่วแฝงด้วยการข่มขู่ที่เข้มข้น
แต่มู่น่อนน่อนคือใคร?
เธอเคยถูกผู้ชายที่ชื่อเฉินถิงเซียวคนนั้นขู่เชียวนะ จะเกรงกลัวอาลั่วได้อย่างไร
มนุษย์เราล้วนมีจุดอ่อนของตัวเอง และจุดอ่อนของอาลั่วก็คือเธอชอบลี่จิ่วชัง แต่กลับไม่กล้าให้ลี่จิ่วชังรู้
มู่น่อนน่อนรู้สึกเรื่องนี้น่าสนใจจริงๆ
“ไม่เรียกคุณมู่แล้วเหรอคะ?คุณชายของคุณเคยสั่งไม่ใช่เหรอคะว่าต้องเกรงใจฉันหน่อย?”มู่น่อนน่อนยิ้มอ่อนๆ พร้อมพูดอย่างได้คืบจะเอาศอก:“แต่ท่าทีของคุณดูแล้วไม่มีความเกรงใจเลยนะคะ”
สีหน้าของอาลั่วได้เปลี่ยนไป สุดท้ายได้กลับคืนสู่ความใจเย็นของปกติ
“คุณมู่ เมื่อครู่ฉันได้ขัดใจคุณ คุณอย่าถือสาฉันเลยนะคะ”
เธอก้มหัวไว้เล็กน้อย ถึงแม้คำพูดเคารพนอบน้อม แต่น้ำเสียงกลับไม่เคารพนอบน้อมเลย
เป็นผู้หญิงที่ห้าวหาญคนนึง
พอเธอพูดจบ ก็ไม่สนว่ามู่น่อนน่อนจะมีปฏิกิริยายังไง ก็ตรงดิ่งออกไปเลย
พอเธอออกไป มู่น่อนน่อนถึงหัวเราะอย่างคลุมเครือทีนึง
ไม่คิดเลยว่าเมื่อครู่อาลั่วจะไม่ถามเธอว่าเอามือถือของลี่จิ่วชังทำไม ดูท่าคงจะตื่นเต้นมากเลย
บนโลกใบนี้ไม่มีคนที่แข็งแกร่งจนไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้ ขอแค่เป็นคนก็ล้วนมีจุดอ่อนทั้งนั้น
ขอแค่มีจุดอ่อน ก็รับมือง่ายแล้ว
มู่น่อนน่อนได้หันมามองดูรอบห้องทำงานของลี่จิ่วชังอีกครู่นึง ไม่นานสีหน้าก้เปลี่ยนไป พร้อมขมวดคิ้วเดินออกไปข้างนอกอย่างช้าๆ
ฝีเท้าค่อนข้างหนักหน่วง
เมื่อครู่ เธอกดรหัสตัวสุดท้ายบนมือถือของลี่จิ่วชังเสร็จ ก็ได้กดปุ่มล็อคหน้าจอ
แต่เสี้ยววินาทีที่หน้าจอล็อก เธอได้เห็นหน้าจอมือถือแล้วแท้ๆ!
นั่นก็หมายความว่า รหัสที่เธอกดเมื่อครู่สามารถปลดล็อกมือถือของลี่จิ่วชัง!
รหัสมือถือของลี่จิ่วเชียนสามารถปลดล็อกมือถือของลี่จิ่วชัง
ตกลงเรื่องแบบนี้จะใช้พี่น้องฝาแฝดเลยใจตรงกันมาอธิบาย หรือว่า……ลี่จิ่วชังก็คือลี่จิ่วเชียนจริงๆ?
……
พอเมล็ดพันธุ์ของความสงสัยได้ปลูกเข้าไปในใจแล้ว มันก็จะรากงอกแตกหน่อ จากนั้นกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นมา
ตั้งแต่มู่น่อนน่อนใช้รหัสมือถือของลี่จิ่วชังปลดล็อกมือถือของลี่จิ่วชัง ก็ยิ่งได้จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของลี่จิ่วชังแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...