ถ้าลี่จิ่วชังกับลี่จิ่วเชียนเป็นคนเดียวกัน งั้นเรื่องนี้ก็อธิบายได้แล้วล่ะ
ลางสังหรณ์ของคนเรา บางครั้งก็ตรงจนน่าตกใจ
ตั้งสมมุติฐานแบบนี้ได้ ความสงสัยในใจของมู่น่อนน่อนก็สลายหายไปทันที
แม้ตอนนั้นเธอจะเห็น ‘ลี่จิ่วชัง’ ที่โรงแรมจีนติ่ง และผู้ช่วยของลี่จิ่วเชียนบอกเธอว่า วันนั้นลี่จิ่วเชียนไม่ได้ออกไปกินข้าว แต่ก็ไม่อาจตัดความน่าสงสัยของผู้ช่วยลี่จิ่วเชียนได้
การปรากฏตัวของลี่จิ่วชัง ก็เพื่อล่อมู่น่อนน่อนมาเมืองMอยู่แล้ว
สมมุติ ‘ลี่จิ่วชัง’ ก็คือคนที่ลี่จิ่วเชียนสร้างขึ้นมา เพื่อล่อเธอมาเมืองM ……
มู่น่อนน่อนเม้มปากพูดพึมพำ: “ไม่……ไม่ใช่แล้ว”
ตอนนั้นเฉินถิงเซียวเคยสืบประวัติของลี่จิ่วเชียนมาก่อน เขามีพี่น้องฝาแฝดจริงๆ
เฉินมู่เห็นมู่น่อนน่อนไม่สนใจตัวเอง แถมยังพูดพึมพำคนเดียวอีก เธอเลยเรียกอย่างสงสัยว่า: “แม่คะ?”
มู่น่อนน่อนถูกเสียงเรียกดึงสติกลับมา เธอรีบเก็บอาการบนสีหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เมื่อกี้แม่กำลังคิดว่าตอนเย็นจะกินอะไรน่ะ”
เฉินมู่ได้ยินแล้วก็ลูบท้องตัวเอง แล้วขมวดคิ้วพูดว่า: “หิวจังเลยค่ะ”
มู่น่อนน่อนมองดูท่าทีขมวดคิ้วของลูกสาวตัวเอง เธอก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา แล้วยื่นมือไปคลายระหว่างคิ้วของลูกสาว: “เอาล่ะ อย่าเอาแต่ขมวดคิ้วสิ เดี๋ยวจะกลายเป็นยายแก่ตัวน้อยนะ”
“ยายแก่ตัวน้อยคืออะไรคะ?”
“ก็คือยายแก่ๆไงคะ”
“อะไรคือยายแก่ๆคะ?”
มู่น่อนน่อน: “……”
……
ตอนเย็น
ห้องอาหารเงียบมาก มีแค่เฉินมู่ที่พูดไม่หยุด: “แม่คะหนูอยากกินอันนี้ แล้วก็อันนั้น บะหมี่…….”
มู่น่อนน่อนคีบอาหารที่มู่มู่อยากกินเงียบๆ ลี่จิ่วชังกับอาลั่วก็เงียบมากเหมือนกัน
ผ่านไปวันหนึ่งแล้ว มู่น่อนน่อนเห็นว่า อาลั่วเป็นคนที่ลี่จิ่วชังให้ความสำคัญมาก
ก็เหมือนกับเฉินถิงเซียวที่ให้ความสำคัญกับสือเย่ เป็นมือซ้ายขวาที่ได้แรงมากที่สุด
ทันใดนั้น ลี่จิ่วชังก็เงยหน้ามองมู่น่อนน่อน แล้วถามว่า: “ไม่ถูกปากเหรอ?”
มู่น่อนน่อนกินโดยเหม่อลอย พอถูกลี่จิ่วชังถามแบบนี้ เธอก็พยายามข่มอารมณ์ไว้ แล้วเงยหน้ามองลี่จิ่วชังอีกครั้ง: “ก็ดี”
ลี่จิ่วชังก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
เฉินมู่กินเสร็จแล้ว ไม่นานก็นอนหลับ
มู่น่อนน่อนยังคงครุ่นคิดเรื่องของลี่จิ่วชัง ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
บนทางเดินมีคนรับใช้เดินผ่าน พวกเธอเห็นมู่น่อนน่อนแล้ว ก็จะทักทายเธออย่างมีมารยาท
“คุณมู่คะ”
เกรงใจและห่างเหิน
ลี่จิ่วชังไม่ได้ขังเธอไว้ แต่คนในคฤหาสน์ล้วนแล้วแต่เป็นคนของเขา มู่น่อนน่อนรับรองได้เลยว่า เธอไปไหนหรือทำอะไรบ้าง คนในคฤหาสน์นี้ก็จะเอาไปบอกลี่จิ่วชังทั้งหมด
ชีวิตที่ต้องถูกคนจับตามองแบบนี้ ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกหงุดหงิดใจมาก
เธอเดินเล่นวนเวียนอยู่ในคฤหาสน์ สุดท้ายก็เดินไปถึงห้องหนังสือของลี่จิ่วชัง
ห้องหนังสือส่วนตัวของเขา น่าจะมีของซ่อนอยู่เยอะ ถ้าเธอเข้าไปดูข้างในได้ ไม่แน่อาจจะเจอเบาะแสอะไรก็ได้
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น เห็นหน้าประตูห้องหนังสือของลี่จิ่วชังไม่มีกล้องวงจรปิด
ตอนแรกเธอแค่คิดในใจเท่านั้น ตอนนี้พอรู้ว่าที่นี่ไม่มีกล้องวงรปิด ก็อยากทำตามที่คิดไว้ทันที
ในตอนนี้เอง ก็มีคนรับใช้เดินออกมาจากอีกด้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...