บทที่ 589 ไม่ยอมบอกเขา – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 589 ไม่ยอมบอกเขา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เฉินถิงเซียวเห็นมีตุ๊กตาอยู่บนเตียง เลยยัดตุ๊กตาเข้ามาที่อ้อมกอดของเฉินมู่ จากนั้นได้ดึงมู่น่อนน่อนเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตู
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ เฉินถิงเซียวทำได้ไหลลื่นสุดๆและเสร็จในอึดใจเดียว
พอมู่น่อนน่อนดึงสติกลับมา เธอก็ได้อยู่ในห้องน้ำแล้ว
“ฉันอ่านหนังสือพิมพ์บอกว่าคุณเกิดอุบัติเหตุ?คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”มู่น่อนน่อนได้มองสำรวจอยู่ที่บนตัวเขาอย่างเป็นห่วง
เมื่อครู่เขายังมีเรี่ยวแรงกำลังล้อเล่นกับเธออยู่ คงไม่เป็นไรหรอก
แววตาของเฉินถิงเซียวมืดมนเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามเธอ มือข้างนึงกอดเอวของเธอไว้ มืออีกข้างประคองหลังศีรษะของเธอไว้พร้อมกับประทับจูบลงไป
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ตอนที่นานจนมู่น่อนน่อนรู้สึกว่าปากตัวเองค่อนข้างชาไปหมดแล้ว มือของเฉินถิงเซียวถึงได้คลายออกเล็กน้อย เขาถึงยืนตัวตรงอย่างปล่อยวางไม่ได้
เฉินถิงเซียวแค่เบาแรงลงหน่อย แต่ไม่ได้คลายมือออก ยังคงกอดเธอไว้อีกเช่นเคย
“คิดถึงผมหรือเปล่า?”
เสียงของเขาแฝงด้วยความแหบพร่าหลังจากที่ได้จูบอย่างเร่าร้อน
มู่น่อนน่อนหดคอทีนึง ได้ทำการขัดขืนไปครู่นึง แต่กลับแลกมาซึ่งการโอบกอดที่ยิ่งแนบชิดของเฉินถิงเซียว
ทีนี้มู่น่อนน่อนไม่ขยับแล้ว ปล่อยให้เขากอดเอาไว้แบบนี้ เงียบไปครู่นึงถึงพูดเสียงเบาว่า:“มู่มู่คิดถึงคุณมากค่ะ”
“แล้วคุณล่ะ?”น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวมีความดื้อดึงแฝงอยู่เสี้ยวนึง
มู่น่อนน่อนเม้มปาก จากนั้นได้ตอบคำนึงว่า:“อืม”
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอเพิ่งพูดจบ แม้แต่ลมหายใจของผู้ชายที่กอดเธอไว้ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เธอได้ชิงถามเฉินถิงเซียวก่อนที่เขาจะเปิดปากพูด:“คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?”
เฉินถิงเซียวคิ้วผูกโบว์ไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบของมู่น่อนน่อน
ถึงจะอย่างนี้ แต่เขาก็ยังได้ตอบคำถามของมู่น่อนน่อนอย่างเชื่อฟังอยู่ดี แต่ตอบแบบลวกๆมาก
“ปีนหน้าต่างเข้ามา”เขาพูดไปด้วยและยื่นมือไปจับหน้าของมู่น่อนน่อนไปด้วย น้ำเสียงไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่
มู่น่อนน่อนฟังเขาพูดแบบนี้แล้ว นี่ถึงพบว่าตรงเอวเขามีเชือกที่เส้นบางมากม้วนนึง ทั้งสองข้างของเชือกยังมีตะขออยู่ด้วย
เธอเองก็พอจะเดาได้แล้วว่าเฉินถิงเซียวใช้เชือกอันนี้ปีนขึ้นมา
เชือกอันนี้ดูแล้วเรียบง่ายมาก แต่ตอนที่เฉินถิงเซียวปีนขึ้นมา ยังได้ใช้อุปกรณ์เสริมตัวอื่นด้วย
สีหน้าของมู่น่อนน่อนได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว:“ที่นี่คือชั้นสามนะ!”
เฉินถิงเซียวฟังแล้วได้ฮื้อเสียงเบา:“แค่ชั้นสามเอง ถึงคุณพักอยู่ที่ชั้นสามสิบ ผมก็สามารถปีนขึ้นไปได้เหมือนกัน”
สีหน้าแววตาเขาดูแล้วเหิมเกริมสุดขีด เหิมเกริมจนใกล้จะยโสโอหัง แต่ก็แฝงด้วยความภาคภูมิใจอยู่หลายส่วน ไม่นึกเลยว่าค่อนข้างจะนิสัยเด็กๆ
เฉินถิงเซียวก็เป็นผู้ชายแบบนี้แหละ ถึงจะเหิมเกริมและยโสโอหัง แต่มักจะสามารถทำให้คนเชื่อว่าคำพูดที่เขาเคยพูด เขาก็จะสามารถทำได้แน่นอน
เขามีต้นทุนของการเหิมเกริมและการหยิ่งยโส
ต้นทุนของเขาไม่ใช่บริษัทเฉินซื่อ และไม่ใช่รัศมีของคุณชายใหญ่ตระกูลเฉิน แต่เพราะเขาคือเขา เขาคือเฉินถิงเซียว
ผู้ชายทั้งชีวิตล้วนเหมือนเด็กคนนึง จิตวิญญาณของพวกเขามีเลือดอันพลุ่งพล่านไหลเวียนอยู่
แต่สิ่งที่มู่น่อนน่อนจะทำคือจะสาดน้ำเย็นใส่เขา เพื่อสาดเลือดอันพลุ่งพล่านของเขาให้เย็นลง
เลือดพลุ่งพล่านของเขาคือจะเอามาใช้กับการปีนตึกเหรอ?
มู่น่อนน่อนโกรธสุดขีดจนหัวเราะ:“เฉินถิงเซียว คุณรู้สึกภาคภูมิใจมากใช่มั้ย?ถ้าเกิดพลัดตกตึกขึ้นมาล่ะ?”
ยังดีที่เครื่องทำความร้อนของห้องเปิดได้อุ่นมาก ไม่งั้นหนาวอยู่อย่างนี้พักนึง ลูกสาวจะต้องเป็นหวัดอีกแน่
มู่น่อนน่อนกำลังจะเดินไปอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา เฉินถิงเซียวแค่ก้าวเท้าก็ได้ชิงตัดหน้าไปเสียก่อน เขาอุ้มเฉินมู่ขึ้นมาอย่างสบายๆ
เฉินมู่ยังไม่ได้หลับลึกมาก เธอลืมตาดูเฉินถิงเซียวอย่างสะลึมสะลือ แววตาเต็มไปด้วยความพร่ามัว
เฉินถิงเซียวมองแล้วใจอ่อนยวบยาบ ได้ลูบหลังเธอพร้อมพูดเสียงเบาว่า:“พ่ออยู่นี่”
เฉินมู่กะพริบตาปริบๆ เหมือนแน่ใจแล้วว่าเขาคือพ่อจริงๆ ก็ได้หลับตาพร้อมนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบ
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวอย่างตกตะลึง เหมือนเธอจะไม่เคยเห็นเขาแสดงหน้าตาที่อ่อนโยนขนาดนี้ออกมาเลย
เฉินถิงเซียวหันหน้ามา ก็เลยเห็นมู่น่อนน่อนยังจ้องเขาอยู่ จึงได้ส่งเสียงเตือนเธอ:“ผ้าห่ม”
มู่น่อนน่อนดึงสติกลับ แล้วรีบดึงผ้าห่มออก ให้เขาวางเฉินมู่เข้าไปในผ้าห่ม
เฉินถิงเซียววางเฉินมู่เข้าไปใต้ผ้าห่ม ส่วนมู่น่อนน่อนได้ห่มผ้าให้เฉินมู่ จู่ๆเฉินถิงเซียวได้ยื่นมือหยิกแก้มของเฉินมู่ทีนึง เหมือนน้ำเสียงจะมีความไม่พอใจ:“อ้วนขึ้นนะ”
มู่น่อนน่อนตบมือของเขาออก:“นี่เรียกว่าเบบี้แฟตค่ะ”
เนื้อตัวเฉินมู่จ้ำม่ำ แต่มู่น่อนน่อนรู้สึกเธอไม่อ้วน แบบนี้กำลังดี
ผอมกว่านี้ดูตัวเล็กเกินไป อ้วนกว่านี้ก็ไม่แข็งแรง แบบนี้กำลังดี
มู่น่อนน่อนเดินไปที่ริมหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก มองลงไปจากชั้นสามแล้วมืดตึ๊ดตื๋อไปหมด
เธอจินตนาการภาพเหตุการณ์ตอนที่เฉินถิงเซียวปีนขึ้นมาจากตรงนี้แล้วได้คิ้วผูกโบว์ไว้ เงียบกริบไม่พูดจา
เฉินถิงเซียวเดินมาที่ข้างกายเธอพร้อมพูดเสียงทุ้มต่ำ:“พ่อบุญธรรมของลี่จิ่วเชียน ได้จากไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว”
มู่น่อนน่อนได้เงยหน้าขึ้นมากะทันหัน:“ตอนที่ฉันไปจากวิลล่าของเขา เคยเห็นคนแก่คนนึงไปหาเขา เป็นได้ได้มั้ยว่าคนๆนั้นจะเป็นพ่อบุญธรรมของเขา?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...