ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 613

เฉินถิงเซียวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พลางมองลี่จิ่วเชียนที่อยู่เคียงข้างมู่น่อนน่อนที่อยู่ตำแหน่งไม่ไกลนัก

ผ่านไปไม่กี่วินาที เขาถึงได้ค่อยๆ เอ่ยปากพูด “ลี่จิ่วเชียนไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ไม่ได้เตรียมการเอาไว้ก่อน ข่าวที่เขาพามู่น่อนน่อนมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดในครั้งนี้ เขาจงใจปล่อยข่าวออกมา

สือเย่ครุ่นคิดอยู่สักพัก พลันถามทันที “ นี่เขาหมายความว่าอะไร? เขาจงใจปล่อยข่าวออกมาเพื่อเรียกความสนใจให้พวกเราออกมา ผมเข้าใจได้นะครับ แต่นี่ เขาไม่กังวลบ้างเหรอ ว่าพวกเราจะฉวยจังหวะลักพาตัวคุณหญิงน้อยกลับไปด้วย?”

“คุณรู้สึกว่า มู่น่อนน่อนเขาจะกลับไปกับพวกเราไหมล่ะ?” น้ำเสียงเฉินถิงเซียวเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม สันกรามเกร็งแน่น ความโกรธที่ระงับเอาไว้อย่างหนักหน่วงพลันแผ่ออกมาทั่วตัว

“ความหมายของคุณชายก็คือ...” สือเย่พูดได้เพียงเท่านี้ พลางเงยหน้ามองไปทางตำแหน่งที่มู่น่อนน่อนอยู่

อากัปกิริยาตอบสนองของมู่น่อนน่อนก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างเห็นเต็มสองตา

มู่น่อนน่อนมีอากัปกิริยาที่ผิดแปลกไปมาก ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“มีความเป็นไปได้ไหมว่าคุณหญิงน้อยเธอ จงใจแสดงละครตบตาให้ลี่จิ่วเชียนดูหรือเปล่าครับ?” สือเย่คิดแล้วคิดอีก จึงคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้

“ลี่จิ่วเชียนไม่ใช่คนจำพวกเชื่อคนอื่นง่ายดาย เขาแค่เชื่อตัวเธอเอง เขาเคยอยู่กับมู่น่อนน่อนมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าเธอเป็นคนยังไง แม้ว่าผู้หญิงจอมโง่อย่างมู่น่อนน่อนจะมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมก็ตาม นายรู้สึกว่าลี่จิ่วเชียน เขาจะเชื่อง่ายๆ ไหมล่ะ?”

ตอนที่เฉินถิงเซียวพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สงบนิ่งถึงขั้นทำให้สือเย่แปลกใจอยู่บ้าง

ถ้าเป็นเฉินถิงเซียวคนเมื่อก่อน อย่าพูดว่าจะมาวิเคราะห์แจกแจงอย่างใจเย็นแบบนี้เลย ตอนที่เห็นมู่น่อนน่อนยืนทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับลี่จิ่วเชียนอยู่นั้น อาจจะอดใจไม่ไหวจนเข้าไปลงมือลงไม้แล้ว

“ความหมายของคุณคือ คุณหญิงน้อยเธอไม่ได้แสดงละครเหรอครับ?” ตอนแรกสือเย่คิดว่าตัวเองทายถูกแล้ว แต่การที่เฉินถิงเซียวพูดออกมาแบบนี้ สมองของเขายิ่งงงเป็นไก่ตาแตกหนักกว่าเก่า

“ถ้าคุณหญิงน้อยไม่ได้เล่นละครตบตา แล้วเธอเป็นอะไรไปล่ะครับเนี่ย?” สือเย่รู้จักกับมู่น่อนน่อนมานานแล้ว ย่อมชัดเจนที่สุดว่าเธอเป็นคนอย่างไร

“ครั้งที่แล้วตอนที่เห็นคุณหญิงน้อยในวิลล่า ผมได้เอาปากกาหมึกซึมด้ามนั้นยื่นให้เธอ ซึ่งตอนนั้นดูว่าเธอก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติไป”

สถานการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว เนื่องจากเฉินถิงเซียวอยู่ในเหตุการณ์นั้นนานเกินไป ราวกับสำลักควันไฟจนใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ

แต่แม้ว่าเรื่องจะเป็นเช่นนั้น เฉินถิงเซียวยังคงฝืนทนเพื่อจะกลับเข้าไปหาสิ่งของบางอย่าง

สือเย่ไม่มีวิธีอื่น จึงจำใจต้องตีเขาให้หมดสติไป และให้บอดี้การ์ดเอาตัวเขาออกไป ส่วนเขากลับเข้าไปหาสิ่งของให้เฉินถิงเซียวแทน

ไม่คิดเลยว่าจะพบมู่น่อนน่อนอยู่ด้านใน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น คนของลี่จิ่วเชียนยังเฝ้าอยู่ทางด้านนอก เขาไม่มีวิธีที่จะช่วยพาตัวมู่น่อนน่อนให้ออกไปได้ ทำได้เพียงเอาปากกาหมึกซึมด้ามนั้นของเฉินถิงเซียวยื่นให้มู่น่อนน่อนไปแทน เพื่อทำให้เธอได้สบายใจรอให้พวกเขามาช่วยเธอ

สือเย่รู้ดีว่าปากกาหมึกซึมด้ามนั้นมันมีความสำคัญมากต่อเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนก็น่าจะรู้เช่นเดียวกัน

แต่เรื่องราวเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเอง เมื่อกลับมาเจอหน้ามู่น่อนน่อนอีกครั้ง กลับพบว่าเธอไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย

เฉินถิงเซียวค่อยหลุบตาลงต่ำ พลันโพล่งออกมาหนึ่งคำ “สะกดจิต”

“สะกดจิตเหรอครับ?” สือเย่พูดทวนคำพูดของเฉินถิงเซียวซ้ำอีกครั้ง

“ลี่จิ่วเชียนไม่เชื่อคนอื่น เชื่อแค่ตัวเขาเองคนเดียว ไม่งั้นทำไมเขาถึงได้กล้าบ้าบิ่นที่จะกล้าลักพาตัวมู่น่อนน่อนไปต่อหน้าต่อผมได้ล่ะ?” เฉินถิงเซียวพูดจบประโยคตอนท้าย สีหน้าก็แผ่ความเย็นเฉียบออกมาทั่วใบหน้า

“แต่ก่อนหน้านี้ คุณชายก็จำคุณหญิงน้อยคนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ลักษณะท่าทางของคุณหญิงน้อยเมื่อครู่นี้ จำพวกเราไม่ได้ครบทุกคน”

สือเย่เพิ่งจะคิดอยู่เหมือนกัน มู่น่อนน่อนอาจโดนสะกดจิตมา

แต่ว่า มู่น่อนน่อนยังจดจำพวกเขาได้ทุกคนซึ่งแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน สือเย่จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย

“ความหมายของการสะกดจิตไม่ใช่การที่ทำให้คนคนหนึ่งสูญเสียความทรงจำไป แต่เป็นการชี้นำจิตวิญญาณชนิดหนึ่ง” เฉินถิงเซียวพูดเสร็จ ก็ลุกขึ้นทันที

เขาจัดการจัดสูทที่อยู่บนร่างกายของตัวเอง และแสดงท่าทางต้องการไปจากที่นี่

“คุณชายจะไปไหนหรือครับ?” สือเย่ถามทันที

“ไม่ต้องตามผมไป คอยจับตามองลี่จิ่วเชียนเอาไว้”

เฉินถิงเซียวพูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค และเดินหายไปในกลุ่มฝูงชนทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม