ตอนที่ 62 ผมไม่ได้ลวนลามคุณ
สายตาของเฉินถิงเซียวจ้องเขม็งมาที่เธอ ไม่ละเว้นสายตาจากสีหน้าของเธอไปแม้แต่จุดเดียว มองมาอย่างถี่ถ้วนและจริงจัง
ยามที่เขามองมู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนเองก็มองเขา ทั้งสองคนสบตากันเงียบๆ ราวกับกำลังทดสอบฝีมือกันอย่างไร้เสียง
ท้ายที่สุด ก็เป็นมู่น่อนน่อนที่ต้องหลบสายตาออกไปก่อน
“เฉินเจียฉิน” ก็คือเฉินถิงเซียว?
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไร้สาระมากๆ
เฉินถิงเซียวที่เห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด ก็เริ่มเข้าใจ การที่จู่ๆ เขาพูดแบบนี้ขึ้นมามันคงกะทันหันเกินไป
เขาดึงสายตากลับมา และดื่มน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน “หากผมบอกว่าไม่ใช่ คุณก็จะเชื่ออย่างนั้นใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนจับได้ถึงน้ำเสียงหยอกล้อของเขา ก็ถอนหายใจผ่อนคลาย “แน่นอนว่าไม่ คุณคิดว่าฉันโดนหลอกได้ง่ายขนาดนั้นหรือ”
เฉินถิงเซียวกล่าวเสียงเรียบ “เปล่า”
เขาไม่ได้คิดว่าเธอนั้นหลอกได้ง่าย แต่เดิมเธอนั้นถูกหลอกได้ง่ายมากอยู่แล้ว
เมื่อทานข้าวเสร็จจนกลับเข้ามาในห้อง มู่น่อนน่อนก็ยังคงคิดเรื่องที่ “เฉินเจียฉิน” พูด
เธอและ “เฉินเจียฉิน” เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ด้วยเนื้อในของเขาที่เย่อหยิ่งและอวดดีย่อมไม่มีใครมาจัดการเขา ให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้ชอบได้
ไม่ว่าในตอนแรก จะเป็นเธอหรือมู่หวั่นขีที่แต่งเข้ามา พวกเขาสามารถตรวจสอบความจริงของพวกเธอทั้งสองได้แน่ๆ
เธอในเวลานั้น “ทั้งน่าเกลียดและหน้าโง่” ส่วนมู่หวั่นขีนั่นกลับมีชีวิตส่วนตัวที่เละเทะ ช่วงเวลาเปิดเทอมก็ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ไม่ได้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีเลย
หาก “เฉินเจียฉิน” คือเฉินถิงเซียวจริงๆ เขาไม่มีความจำเป็นต้องกล้ำกลืนแต่งงานกับเธอและมู่หวั่นขีเลย
และยิ่งไปกว่านั้น เฉินถิงเซียวคือคนที่มีข้อบกพร่อง และเขาก็หลีกเลี่ยงมู่น่อนน่อนอย่างเย็นชา แต่นั่นกลับทำให้น่าเชื่อยิ่งขึ้น
ด้วยการวิเคราะห์แบบนี้ ทำให้มู่น่อนน่อนสงบใจลงมาได้ หยิบเสื้อผ้าและเข้าห้องอาบน้ำไป
เมื่อออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดิบพอดี
เธอรับสายทันที โดยไม่ได้มองว่าเป็นใครที่โทรมา
“วันนี้โดดงานรึ”
ไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ดุดันของมู่ลี่เหยียน มู่น่อนน่อนก็ชะงักไปอึดใจ เปิดลำโพงโยนไปบนเตียง หลังจากนั้นก็เช็ดผมพลางกล่าวว่า “ข่าวสารของพ่อนี่รวดเร็วจริงๆ วันนี้ตอนเช้าฉันกลับบ้านมาทันทีที่ออกไป และพอตกค่ำแล้วพ่อถึงเพิ่งจะได้รู้ว่าฉันโดดงาน”
เรื่องเมื่อตอนเช้า ผู้ชายคนนั้นที่ออกไปสำรวจตลาดกับเธอ จะต้องเป็นคนที่ซุนเจิ้งหวาเอามาแก้แค้นเธอเป็นแน่
ไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยที่ชอบสร้างความลำบากให้แก่เธอของมู่หวั่นขี จะเป็นไปได้อย่างไรที่เพิ่งจะมาบอกเรื่องนี้กับมู่ลี่เหยียนในเวลาแบบนี้
เรื่องนี้ อย่างน้อยมู่หวั่นขีก็ต้องเข้าร่วมด้วยหนึ่งก้าว อาจจะเป็นหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าคนคนนั้นทำไม่สำเร็จ ถึงได้ปรี่เข้าหามู่ลี่เหยียนเพื่อฟ้องเรื่องของเธอ
มู่หวั่นขีไม่ละความพยายามในการแก้แค้นเธอเลยจริงๆ
เรื่องที่คลับจื่อจีนเมื่อครั้งที่แล้ว เธอยังไม่ได้คิดบัญชีกับมู่หวั่นขีเลยนะ
วันนั้นที่ออฟฟิศของมู่ลี่เหยียน เธอจงใจพูดว่ามู่หวั่นขีไปที่คลับจื่อจีนอีกแล้ว เพราะอยากจะลองทดสอบดูเล็กน้อยว่าวันนั้นมู่หวั่นขีได้อยู่ที่คลับจื่อจีนจริงหรือไม่
ถึงแม้ว่าตัวการเรื่องนั้นจะไม่มีใครอื่นนอกจากมู่หวั่นขีแล้ว แต่เธอก็ต้องทำการยืนยันให้แน่ใจเสียก่อน
มู่ลี่เหยียนไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับมู่น่อนน่อนในวันนี้เลยแม้แต่น้อย เมื่อมาได้ยินน้ำเสียงอวดดีขอมู่น่อนน่อน ก็ยิ่งเดือดดาล เขาที่อยู่ปลายสายตวาดลั่น “มู่น่อนน่อน เธอคิดว่าที่ตอนนี้ได้เป็นคุณหญิงของตระกูลเฉินแล้ว ฉันจะควบคุมเธอไม่ได้ใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “เปล่านี่ หากพ่ออยากควบคุมฉัน เวลาไหนก็ทำได้ทั้งนั้น”
แต่ว่า ตั้งแต่เล็กจนโต มู่ลี่เหยียนก็ไม่ได้สนใจเธอเลย มีเพียงตอนที่จะใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น ถึงได้เห็นเธออยู่ในสายตา
มู่ลี่เหยียนถูกคำพูดของมู่น่อนน่อนค้านไว้จนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่พูดคำว่า “ดี” ขึ้นมาซ้ำๆ “ดี ดี มาคุยกันอีกครั้งวันจันทร์ที่บริษัท”
กล่าวจบ เขาก็วางสายเสียงดัง โครม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...