ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 620

ลี่จิ่วเชียนประเมินมู่น่อนน่อนอย่างไม่กระโตกกระตาก พลันยื่นข้อเสนอให้ “ถ้าคุณเกลียดเขาขนาดนี้จริงๆ การอยู่ใกล้ตัวเขาบางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้”

“หมายความว่ายังไงคะ?” มู่น่อนน่อนเหลือบมองลี่จิ่วเชียนด้วยความสงสัย

“ตอนนี้เฉินถิงเซียวยังมีความรู้สึกกับคุณ จึงไม่ได้คิดจะทำอะไรกับคุณ ถ้าคุณเกิดย้ายออกจากวิลล่าของเขา ด้วยสถานะของพวกคุณทั้งสองแล้ว คุณยังมีโอกาสอีกเท่าไหร่ที่สามารถจะเจอเขาได้อีกล่ะ? เช่นนั้นยิ่งไม่สะดวกให้คุณแก้แค้นหรอกเหรอครับ?

สีหน้าของลี่จิ่วเชียนแปรเปลี่ยนเป็นมีความหมายเป็นนัย

มู่น่อนน่อนได้แต่หัวเราะแห้งๆ ให้ตัวเองอยู่ในใจ แต่ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้า “จากนั้นล่ะ?”

“จากนั้น คุณก็มีโอกาสได้แก้แค้นเขา โดยการใส่อะไรสักอย่างลงไปในอาหาร หรือการเล่นตุกติกกับเอกสารลับของบริษัทของเขา เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่สามารถทำให้เฉินถิงเซียวไม่สามารถกลับมาตั้งตัวใหม่ได้”

ประโยคสุดท้าย ลี่จิ่วเชียนจงใจเน้นย้ำเป็นพิเศษ

มู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว พลันเงียบขรึมไปชั่วครู่ และจ้องลี่จิ่วเชียนอยู่สักพัก พลันพูดว่า “ทำไมรู้สึกว่าคุณจงเกลียดจงชังเฉินถิงเซียวมากกว่าฉันล่ะคะ? เมื่อก่อนจริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจมาก ว่าคุณกับเฉินถิงเซียวไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกันตอนไหน”

ตอนที่ถามประโยคนี้ออกไป ในใจมู่น่อนน่อนก็มีอาการตื่นเต้นอยู่บ้าง

ลี่จิ่วเชียนจะพูดออกมาไหมนะ?

ลี่จิ่วเชียนผุดรอยยิ้มที่แสนแปลกประหลาดออกมา พร้อมทั้งพูดจาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “รอวันที่คุณแก้แค้นเฉินถิงเซียวสำเร็จแล้ว ผมจะบอกกับคุณ”

มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก “งั้นก็ต้องรอไปก่อนแล้วแหละ”

ลี่จิ่วเชียนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้ เธอก็รู้ว่าเขาจะไม่มีทางพูดออกมาง่ายดายเช่นนี้

“ตราบใดที่คุณพยายามสุดความสามารถแล้ว ไม่นานวันนั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้ว อย่างไรเสียตอนนี้คุณเป็นคนที่ใกล้ชิดเฉินถิงเซียวคนเดียว ซึ่งลงมือง่ายดายกว่าคนอื่นๆ” ลี่จิ่วเชียนจ้องมองมู่น่อนน่อนตาเขม็ง อารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยวเล็กน้อย

“เรื่องนี้ฉันเข้าใจดี” มู่น่อนน่อนพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไป พลันช้อนสายตามองสายตาลี่จิ่วเชียน น้ำเสียงแสดงอาการเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย “ตอนแรกคุณก็ปฏิบัติกับฉันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันรู้ดีว่าคุณไม่พอใจกับเรื่องที่ผมทำในตอนแรก แต่ว่า หลักการที่ว่าหากมนุษย์ไม่ฝึกฝนตัวเองก็ไม่ได้รับความเมตตาจากสวรรค์คุณยังไม่เข้าใจเหรอ?” ลี่จิ่วเชียนพูดด้วยความหมายลึกซึ้งและทรงพลัง “น่อนน่อน คุณใจอ่อนเกินไป รอไปในภายภาคหน้า คุณเองก็จะค้นพบว่า บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดที่คุ้มค่าทำให้คุณใจอ่อนเลย”

มู่น่อนน่อนหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมทั้งพูดอย่างไม่อายปาก “ก็เหมือนคุณตอนนี้เหรอ? เพื่อให้ได้มาตามเป้าหมายที่ตนเองวางไว้ โดยใช้ผลประโยชน์จากคนหรือเรื่องต่างๆใช่มั้ย?”

สิ้นเสียงเธอ จึงเหลือบมองอารมณ์ที่อยู่บนสีหน้าลี่จิ่วเชียน แค่สายตาเนื้อแท้ก็เห็นการนิ่งที่เปลี่ยนลงอย่างรวดเร็วขึ้นมาทันที

มู่น่อนน่อนกระตุกมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองเขาทั้งที่ไม่มีความหวาดกลัวสักนิด แถมยังทำหน้าตาสงสัยตอนถามเขากลับ “คุณโกรธเหรอคะ?”

ลี่จิ่วเชียนหลุบตาลง และจัดข้อมือเสื้อของตนเองอย่างสง่างาม จากนั้นก็ค่อยๆ ตอบออกมา “น่อนน่อน ถ้าเป็นคนอื่นพูดกับผมแบบนี้ คุณรู้ว่าจะมีจุดจบยังไงมั้ย?”

“ไม่รู้ค่ะ ฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ไม่เหมือนคนพวกนั้นที่ปฏิบัติกับฉัน ไม่ใช่เหรอคะ?” มู่น่อนน่อนจ้องมองลี่จิ่วเชียนด้วยหน้าตามั่นใจ

ลี่จิ่วเชียนหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “นั่นมันแน่นอนครับ คุณไม่เหมือนกับพวกเขา”

มู่น่อนน่อนยิ้มให้ แต่ไม่พูดอะไรเพิ่ม

……

หลังจากแยกตัวกับลี่จิ่วเชียนแล้ว มู่น่อนน่อนจับรถกลับมาที่วิลล่าของเฉินถิงเซียว

เธอเอาคอมพิวเตอร์ไปนั่งเขียนบทละครในห้องหนังสือของเฉินถิงเซียว

ที่แท้ เธอคิดว่าสภาพของเธอในเวลานี้อาจจะเขียนอะไรไม่ออก

แต่ที่น่าแปลกใจคือ เธอเขียนได้ราบรื่นมาก

มู่น่อนน่อนใช้เวลาเฮือกเดียวเขียนได้สามชั่วโมง

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามองด้านนอกนั้น จึงพบว่าด้านนอกท้องฟ้ามืดสนิทไปแล้ว

ท้องฟ้าค่ำคืนในฤดูหนาวมักจะมากเร็วมาก

มู่น่อนน่อนเหลือบตามองเวลา ตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้ว

ช่วงนี้เฉินถิงเซียวกลับบ้านดึกมาก

มู่น่อนน่อนลุกขึ้นยืน และจัดการยืดเส้นยืดสาย และเดินไปรูดผ้าม่านที่หน้าต่างเพื่อมองวิวด้านนอก

“ฉันทำเรื่องโง่ๆ อะไรเหรอ?” มู่น่อนน่อนยิ้มตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “แค่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามความคิดของคุณ คุณก็มองว่ามันเป็นเรื่องโง่ๆ งั้นสิ?”

“เรื่องโง่ๆ ที่คุณทำมันยังน้อยใช่มั้ย?” เฉินถิงเซียวเหลือบมองเธอด้วยแววตาเย็นชา ท่าทางเฉยเมยจนทำให้คนโมโห

มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากเอาไว้ พลันลุกขึ้นจนมีเสียง “ครืน” พร้อมทั้งพูดเสียงดังลั่น “เรื่องที่โง่ที่สุดที่ฉันทำ ก็คือการตามใจคุณทุกเรื่อง!”

น้ำเสียงเฉินถิงเซียวสงบมากกว่าเธอเยอะ “เรื่องที่โง่ที่สุดที่ผมทำ ก็คือการเอาอกเอาใจคุณเกินไป!”

“คุณ...” มู่น่อนน่อนโมโหเขาจนพูดไม่ออก

ผู้ชายคนนี้อายุมากขึ้นเรื่อย ความสามารถในการทำให้คนโมโหยิ่งหนักข้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณกินไปคนเดียวแล้วกัน!” มู่น่อนน่อนพูดประโยคนี้ทิ้งท้ายเอาไว้ และดันเก้าอี้ออกและเดินออกไปจากห้องอาหาร

เสียงขาเก้าอี้มันขูดกับพื้นจนดังเสียดแก้วหู

พอมู่น่อนน่อนเดินไป ในห้องอาหารก็เงียบสนิท ขนาดเสียงหายใจยังได้ยินอย่างชัดเจน

เฉินถิงเซียวนั่งอยู่หน้าโต๊ะกินข้าวเงียบๆ อยู่แบบนั้น โดยนั่งอยู่ท่าเดิมตอนที่มู่น่อนน่อนเดินออกไป

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานสักเท่าไหร่ จู่ ๆ เขาก็หยิบถ้วยที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาขว้างออกไป

ถ้วยกระทบกับพื้นแตกละเอียด จนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู

คนรับใช้ที่รออยู่ด้านนอกห้องอาหารเมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวในห้องอาหาร จึงรีบเดินเข้ามาทันควัน

“คุณชายคะ?”

มือที่อยู่บนโต๊ะอาหารของเฉินถิงเซียวกำหมัดไว้แน่น พลันกัดฟันพูด “ออกไป!”

คนรับใช้เห็นเฉินถิงเซียวกำลังโกรธเคืองอย่างหนัก จึงไม่กล้าอยู่ต่อ พลันหันตัวและเดินออกจากห้องทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม