ทั้งสองคนต่างดึงชายผ้าห่มคนละฝั่งไม่ยอมปล่อย
เฉินถิงเซียวดึงทางฝั่งเธอ มู่น่อนน่อนก็ดึงกลับมาทางตัวเอง
แต่ว่า สรุปคือพละกำลังของมู่น่อนน่อนยังสู้พละกำลังมากมายมหาศาลของเฉินถิงเซียวไม่ไหว ท้ายที่สุด ผ้าห่มก็ถูกเฉินถิงเซียวดึงไป
หลังจากเฉินถิงเซียวดึงผ้าห่มมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จัดการห่มผ้าห่มและหลับตานอนหลับอย่างสบายอกสบายใจ
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้...
หลังจากมู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ให้ตัวเองสงบสติอารมณ์อยู่หลายครั้งแล้ว จึงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเขียนโน้ตลงไป มีตัวอักษรที่อยู่บนนั้นอยู่หนึ่งคำ “น่าเบื่อ!”
จากนั้นจึงโยนโทรศัพท์ไปหาเฉินถิงเซียว
บนเครื่องบินสามารถเปิดโทรศัพท์ได้ แต่ต้องเป็นโหมดเครื่องบิน Wechat และข้อความต่างๆ ไม่สามารถส่งออกไปได้
เฉินถิงเซียวหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาและเหล่ตามอง และจัดการเขียนบรรทัดด้านล่างเพื่อเป็นการตอบกลับ “เชอะ”
มู่น่อนน่อนรับมาแล้วพิมพ์ตอบกลับไปอีกประโยค “ไปขอผ้าห่มกับแอร์ฯเองไม่ได้เหรอไง?”
เฉินถิงเซียวทำผิดแล้วไม่รู้จักอาย “คุณใกล้กว่า”
มู่น่อนน่อน “อายเป็นบ้างไหม?”
หลังจากเฉินถิงเซียวมองเห็นแล้ว จึงแสยะยิ้มให้เธอ ทำหน้าตาเหมือนตัววายร้ายคล้ายกับตอนที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก
มู่น่อนน่อนแย่งโทรศัพท์กลับมา หันตัวออก เพื่อให้ใบหน้าไปอยู่อีกทาง พลันหลับตาและเริ่มนอนหลับ
เธอไม่เชื่อหรอกว่าเฉินถิงเซียวจะไม่สนใจเธอจริงๆ
ที่แท้ผ่านไปไม่นานนัก เธอก็รู้สึกว่าบนร่างกายของเธอเริ่มหนัก จึงลืมมาขึ้นมามอง ก็พบว่าเฉินถิงเซียวที่แย่งผ้าห่มไปก่อนหน้านี้ได้เอาผ้าห่มกลับมาคืนและห่มอยู่บนตัวเธอแล้ว
……
เครื่องบินเดินทางถึงสนามบินนานาชาติหู้หยางและ Landing ในเวลาเที่ยงตรง
ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด
เมื่อลงจากเครื่องบิน มู่น่อนน่อนก็ดึงเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวให้กระชับทันที
ลี่จิ่วเชียนกับอาลั่วก็มุ่งหน้าออกไปด้านนอกพร้อมกับพวกเขา ทิศทางเดียวกัน คือเดินไปยังลานจอดรถ
ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครพูดคุยกันเลยสักคน
เฉินถิงเซียวโอบตัวมู่น่อนน่อนไว้แน่นตลอดทั้งการเดินทาง เมื่อมาถึงลานจอดรถก็จัดการเอาตัวเธอจับยัดใส่ในรถ
หลังจากที่ทั้งสองคนเกิดเรื่องแย่งผ้าห่มกันบนเครื่องแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
รถยนต์ขับมายังวิลล่าของเฉินถิงเซียวทันที
เมื่อนับเวลาดูแล้ว มู่น่อนน่อนเดินทางไปเมืองMได้ไม่นานนัก แต่พอกลับมาที่นี่อีกครั้ง พลันเกิดความรู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นมาแทน
เธอกับเฉินถิงเซียวเดินเคียงข้างเข้าไปพร้อมกัน
ภายในวิลล่ายังคงมีบ่าวรับใช้และบอดี้การ์ดรวมตัวเป็นกันเป็นกลุ่ม
“คุณชาย คุณหญิงน้อย!”
บ่าวไพร่และบอดี้การ์ดคอยต้อนรับพวกเขาอยู่ตรงประตู
มู่น่อนน่อนเข้าไปในห้องโถงของวิลล่า พลางมองบริเวณโดยรอบ เพื่อหาตัวเฉินมู่
แต่ว่า เธอวนดูแล้วหนึ่งรอบ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินมู่
มู่น่อนน่อนถามเขา “มู่มู่ล่ะคะ?”
“ผมให้คนเอา DNA ของมู่มู่ไปไว้ในที่เกิดเหตุไฟไหม้ ย่อมไม่สามารถให้เธออยู่ที่เมืองหู้หยางได้ต่อ” เฉินถิงเซียวทั้งพูด และเดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกัน
ลี่จิ่วเชียนเป็นคนมั่นใจในตัวเอง หลังจากเขาได้มีการตรวจ DNA ของเฉินมู่ในที่เกิดเหตุแล้ว จึงคิดว่าเฉินมู่ตายไปแล้วจริงๆ จึงใช้โอกาสนี้ในการสะกดจิตมู่น่อนน่อน
ส่วนเรื่องDNAเฉินถิงเซียวกลับจงใจให้คนไปทำเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...