มันเป็นสิ่งที่ตลอดมามู่น่อนน่อนไม่อยากคิด
ดังนั้น เธอจึงมีความคิดที่อยากไปถามเฉินถิงเซียวให้แน่ชัด
แต่ความคิดของเฉินถิงเซียวได้อธิบายทุกอย่างแล้ว
เขาอยากแยกทางกับเธอจริงๆ
ไม่ว่ารักหรือไม่รัก เฉินถิงเซียวก็อยากแยกทางกับเธอจริง
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก เดินไปหน้าประตูลิฟต์ด้วยสติไม่อยู่กับตัว และไม่ได้กดลิฟต์ ยืนล่องลอยไปแบบนั้น
ข้างหลังมีคนตามเข้ามา เห็นมู่น่อนน่อนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางไร้วิญญาณ อดไม่ได้ที่จะมองสักพัก แล้วเอื้อมมือไปกดลิฟต์
ประตูลิฟต์เปิดและปิดลง ปิดและเปิดอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนยังยืนนิ่งไม่ขยับ
กระทั่งฉินสุ่ยซานโทรเข้ามาหาเธอ
“มู่น่อนน่อน วันนี้ทางที่ดีคุณอย่ามาที่สตูดิโอ ไม่อย่างนั้นถ้าคุณมาก็อย่าคิดจะมีชีวิตได้ออกไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะให้สวุมู่หันไอ้คนเจ้าชู้นั่นมารับฉัน!”
น้ำเสียงของฉินสุ่ยซานฟังดูหงุดหงิดมาก เมื่อเช้าเธอตื่นขึ้นมาพบว่าไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
หลังจากมู่น่อนน่อนฟังเธอพูดจบ จึงพูดประโยคหนึ่งนิ่งๆ “คุณกล้าพูดไหมว่าการให้สวุมู่หันมารับคุณ ไม่ใช่ความตั้งใจของคุณเอง”
“ฉัน......” ฉินสุ่ยซานนิ่งอึ้ง พูดตะกุกตะกักอยู่เป็นนานสองนาน ก่อนจะพูดอย่างเขินๆ ว่า “แต่คุณก็ไม่ควรจะ......”
“เหมาะเจาะกับความตั้งใจของคุณไม่ดีเหรอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันวางนะ”
“เฮ้ คุณรอเดี๋ยวสิ! เมื่อคืนคุณนอนที่ไหน คุณ......”
มู่น่อนน่อนไม่สนว่าฉินสุ่ยซานจะพูดอะไร จัดการวางสายไปเลย
เธอทำจิตใจให้สงบ ยกเท้าก้าวเข้าลิฟต์ เธอขึ้นลิฟต์ลงไปชั้นล่าง แล้วรีบเดินออกไป
ถูกคนชนตรงหน้าประตู
มู่น่อนน่อนไม่ได้ใส่ใจ สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ต ลดสายตาลงและรีบเดินออกไป
ขณะที่ลงบันได รู้สึกว่ามีคนมาขวางทาง มู่น่อนน่อนจึงขมวดคิ้วเงยหน้า ก็เห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของลี่จิ่วเชียน
“น่อนน่อน” ลี่จิ่วเชียนยิ้มให้เธอเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนเลิกคิ้ว สีหน้าเรียบนิ่ง “มีอะไร”
“ไม่มีอะไร” ลี่จิ่วเชียนส่ายหน้า “แค่สงสัยนิดหน่อย ว่าทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”
“ฉันอยู่ที่ไหนเกี่ยวอะไรกับคุณ” มู่น่อนน่อนเบี่ยงหลบและคิดจะไป แต่ประโยคถัดมาของลี่จิ่วเชียน กลับทำให้เธอต้องหยุดก้าวเท้ากะทันหัน
“น่อนน่อน คุณกำลังหลอกผม”
น้ำเสียงของลี่จิ่วเชียนกดต่ำ มีการจับผิดอย่างระมัดระวัง สามารถได้ยินความโกรธที่เจือในน้ำเสียงของเขาได้
มู่น่อนน่อนหยุดก้าวเท้า หันหน้าไปหาลี่จิ่วเชียน พบว่าลี่จิ่วเชียนก็หันหน้ามามองเธอพอดี
ลี่จิ่วเชียนจ้องมองเธออย่างตั้งใจ อารมณ์ในดวงตาแยกแยะได้ยาก
มู่น่อนน่อนหัวใจเต้นแรง
หรือว่าลี่จิ่วเชียนรู้แล้ว ว่าเธอไม่ได้ถูกเขาสะกดจิต
มู่น่อนน่อนคลางแคลงใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลี่จิ่วเชียนหรี่ตามอง และก้าวมาตรงหน้าเธออีกหนึ่งก้าว ยืนในตำแหน่งที่อยู่ใกล้เธอมาก “ผมบอกแล้วไง เฉินถิงเซียวเขาไม่เหมาะกับคุณ ต่อให้คุณจะแสร้งว่าถูกสะกดจิต ก็ยังถูกเฉินถิงเซียวทอดทิ้งอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”
เขาพูดจบก็ยืดตัวตรงถอยออกมา และหัวเราะอย่างอ่อนโยนผิดปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...