ช่วงเย็น
มู่น่อนน่อนไปจีนติ่งตามเวลานัด
เมื่อเธอไปถึง กู้จือหยั่นรออยู่ในห้องวีไอพีส่วนตัวแล้ว
สวมเชิ้ตสีชมพูที่ดูน่าหมั่นไส้มาก
“น่อนน่อน รีบเข้ามานั่งเร็ว” กู้จือหยั่นช่วยเลื่อนเก้าอี้ออกให้มู่น่อนน่อนอย่างมีน้ำใจ ส่งสัญญาณให้เธอมานั่ง
มู่น่อนน่อนรู้ชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่กู้จือหยั่นมีน้ำใจขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเสิ่นเหลียง
มู่น่อนน่อนยิ้มพลางส่ายหน้า “ฉันทำเอง”
จากนั้นเธอก็ดึงเก้าอี้ออกนั่งเอง
กู้จือหยั่นเกาศีรษะ ยิ้มอย่างเขินๆ จากนั้นก็จัดๆ เสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเอง และยิ้มร่าให้มู่น่อนน่อน “น่อนน่อน คุณว่าชุดผมเป็นยังไง รุ่นลิมิเต็ดเลยนะ ผมสั่งให้ผู้ช่วยไปสั่งจองมาให้ผมเชียวล่ะ!”
“อืม” มู่น่อนน่อนมองครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดี”
บุคลิกของกู้จือหยั่นเมื่อเทียบกับเฉินถิงเซียว จะค่อนข้างต่างกัน สามารถเห็นความแตกต่างบางอย่างได้จากอาหารและเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน
“คุณดูละเอียดหรือยัง” กู้จือหยั่นดึงๆ กระเป๋าเล็กๆ บนเสื้อของตัวเอง ชี้ที่หัวแมวเล็กๆ บนขอบกระเป๋าและพูดว่า “คุณเห็นนี่ไหม นี่เป็นความพิเศษของเสื้อตัวนี้เลยนะ!”
“………”
มู่น่อนน่อนอ้าปากเล็กน้อย จ้องมองชุดของเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
เธอไม่เข้าใจจริงๆ เสื้อสีชมพูสำหรับผู้ชาย หัวแมวเล็กๆ ที่ปักตรงกระเป๋าเสื้อบนอกมันมีอะไรพิเศษ
เสื้อผ้าสไตล์นี้ เธอที่เป็นผู้หญิงเคยเห็นมาไม่น้อย
มู่น่อนน่อนมองเสื้อของเขาอีกครั้ง แล้วย้ำคำพูดของเขาอีกรอบ “พิเศษ?”
“อืม? เป็นยังไง”
กู้จือหยั่นมองด้วยสายตาคาดหวัง มู่น่อนน่อนพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง “อืม ไม่เลว”
แม้มู่น่อนน่อนจะชมอย่างไม่จริงใจ แต่เวลานี้กู้จือหยั่นอารมณ์ดีมาก จึงไม่ได้ฟังให้ละเอียด
กู้จือหยั่นได้คำชมจากมู่น่อนน่อน จึงกลับลงไปนั่งบนเก้าอี้ จัดๆ แขนเสื้อ จัดระเบียบคอเสื้อ จากนั้นก็รินน้ำให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนคุ้นเคยกับรูปแบบความสัมพันธ์ของกู้จือหยั่นกับเสิ่นเหลียงนานแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่กู้จือหยั่นเป็นแบบนี้
ไม่ช้า เสิ่นเหลียงก็มา
เสิ่นเหลียงเพิ่งออกรายการ เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงค่อนข้างบาง และแต่งหน้าอย่างดี
ทว่า หลังจากเสิ่นเหลียงเข้ามาใกล้ มู่น่อนน่อนสามารถมองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเธอได้
“เสี่ยวเหลียง” มู่น่อนน่อนเรียกเธอด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นเหลียงยิ้มตอบและเดินเข้ามา
กู้จือหยั่นซึ่งรอคอยการมาของเสิ่นเหลียงมาตลอดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เวลานี้กลับไม่มีเสียง สีหน้าท่าทางเย็นชาเป็นพิเศษ
มู่น่อนน่อนแอบประหลาดใจ ผู้ชายเปลี่ยนสีหน้าไวกว่าพวกผู้หญิงเสียอีก
กู้จือหยั่นเป็นตัวอย่างที่ดีมาก
มู่น่อนน่อนเพียงเหลือบมองกู้จือหยั่น ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ลุกขึ้นมาดึงเก้าอี้ออกให้เสิ่นเหลียง “นั่งเร็ว”
“สุภาพทำไมกัน ตกใจหมด” แม้ปากเสิ่นเหลียงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็ยังนั่งลง
หลังจากเธอนั่งลง ก็ไม่ได้มองกู้จือหยั่นเลย แค่หันหน้าไปคุยกับมู่น่อนน่อน “ที่จริง ต่อให้เธอไม่นัดฉัน ฉันก็อยากมาหาเธอ แต่ตารางงานสองวันนี้มันยกเลิกไม่ได้ และก็กังวัลว่าเธอจะยุ่งอยู่กับการเขียนบท จึงไม่ได้มาหาเธอ”
“มาหาฉัน?” มู่น่อนน่อนแปลกใจเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรเหรอ”
โดยทั่วไปแล้ว ในสถานการณ์ที่ทั้งคู่ต่างยุ่ง หากเสิ่นเหลียงนึกอยากมาหาเธอ ก็ต้องแน่นอนว่ามีเรื่องสำคัญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...