มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงเล่นไปสักพัก ก็ได้เก็บข้าวของเตรียมออกจากบ้าน
ตอนที่ทั้งสองใส่ชุดนักเรียนออกจากบ้าน ฉีเฉิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็กำลังเปิดประตูห้องพอดี
สายตาของฉีเฉิงจ้องมองไปมาอยู่ที่บนตัวทั้งสองอย่างค่อนข้างแข็งทื่อ
จากนั้น เขาได้หยิบมือถือขึ้นมาโทรเบอร์ๆนึง
ไม่นาน มือถือของมู่น่อนน่อนก็ได้ดังขึ้น
มู่น่อนน่อนล้วงมือถือออกมา ชูขึ้นมาทางฉีเฉิงด้วยสีหน้าค่อนข้างอึดอัด
ฉีเฉิงตกตะลึงเกินไป เลยทำให้เขาสงสัยว่าเธอคือมู่น่อนน่อนหรือเปล่า ดังนั้นจึงได้โทรเบอร์ของเธอ
มู่น่อนน่อนอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว เมื่อครู่เธอกับเสิ่นเหลียงอยู่ในห้องเล่นกันสนุกสนาน ออกมาก็เจอฉีเฉิงพอดีเลย
อึดอัดชะมัด
ไม่นานสีหน้าของฉีเฉิงก็กลับมาเหมือนก่อนหน้านี้ เขาเก็บมือถือไปด้วยแล้วถามไปด้วย “คุณจะออกไปเหรอครับ ”
“อืม ออกไปกับเพื่อน”มู่น่อนน่อนพยักหน้าแล้วตอบ
เสิ่นเหลียงที่อยู่ข้างกายได้จิ้มแขนของมู่น่อนน่อน แล้วพูดเสียงเบาว่า “นี่ใครเหรอ เธอจะไปไหนเขาก็คุมด้วย ”
เสิ่นเหลียงเพิ่งพูดเสร็จ ก็ได้ยินฉีเฉิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพูดคำนึงว่า “คุณเสิ่น ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณมู่ครับ”
เสิ่นเหลียงฟังแล้วเบิกตากว้างด้วยความตะลึง
คนๆนี้นี่มีหูพันลี้เหรอ เธอเบาเสียงขนาดนี้ก็ยังได้ยินอีก
มู่น่อนน่อนตบมือเสิ่นเหลียงเบาๆ แล้วพูดกับฉีเฉิงว่า “เราจะออกไป นายไม่ต้องตามพวกเราหรอก”
ฉีเฉิงพยักหน้าเสร็จ ก็ได้หันหลังกลับเข้าไปที่ห้อง
พวกเธอแต่วตัวแบบนี้ เขาก็ไม่อยากตามหรอก
พอฉีเฉิงไปแล้ว เสิ่นเหลียงได้ดึงตัวมู่น่อนน่อนมาถามว่า “เธอเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมจู่ๆถึงได้จ้างบอดี้การ์ด ”
“ก็กันเจียงซ่งไง”มู่น่อนน่อนพูดหนักให้เป็นเบา พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็ใช่ เจียงซ่งคนนั้นจิตใจคับแคบ ไม่ใช่คนดีอะไร กันเอาไว้หน่อยก็ดีเหมือนกัน”
เพราะยังไงมู่น่อนน่อนก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างปลอดภัย เสิ่นเหลียงจึงได้เชื่อคำพูดของมู่น่อนน่อน
“แต่บอดี้การ์ดคนนั้นของเธอดูแล้วน่ากลัวจังเลย ไม่เหมือนบอดี้การ์ดเลยสักนิด”
“สถานะของเขาซับซ้อนนิดหน่อย แต่เก่งมากเลยนะ”
“อืม” ปกติตอนที่เสิ่นเหลียงออกไปไหน ก็มีบอดี้การ์ดคอยติดตามไปด้วยเหมือนกัน
เพราะยังไงก็เป็นบุคคลสาธารณะ แฟนคลับก็เยอะ กลัวก็แต่จะเจอแฟนคลับที่ไม่มีสติ……
……
มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงไปโรงเรียนมัธยมปลายที่เมื่อก่อนเคยเรียนด้วยกัน
ตอนนี้ก็ปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว ในโรงเรียนไม่ค่อยมีคน
ตอนแรกมู่น่อนน่อนยังไม่รู้สึก แต่หลังจากออกมาแล้ว ก็รู้สึกว่าใส่ชุดนักเรียนช่างโง่สิ้นดีเลย
ถึงจะปลอมตัวเป็นนักเรียนก็เถอะ แล้วพวกเธอจะอธิบายกับพนักงานรักษาความปลอดภัยยังไง เวลานี้พวกเธอใส่ชุดนักเรียนมาโรงเรียน
หลังจากปิดเทอม ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ใส่เสื้อผ้าปกติของตัวเอง และแต่งตัวสวยๆบ้าง
เสิ่นเหลียงก็พิจารณาถึงปัญหานี้เหมือนกัน เธอได้พูดอย่างเกิดความคิดขึ้นมาเฉียบไว “งั้นพวกเราก็……ปีนกำแพงเลย ”
ไม่ให้โอกาสมู่น่อนน่อนได้ไหวตัว เสิ่นเหลียงก็ดึงมู่น่อนน่อนอ้อมมาถึงหลังโรงเรียนแล้ว
เธอเดินไปด้วยและพูดไปด้วย “เมื่อก่อนตรงนั้นมีกำแพงเตี้ยๆอันนึงไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนพวกเราก็ปีนเข้าไปจากตรงนั้นแหละ”
“แต่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ยังปีนเข้าไปได้อีกเหรอ ”มู่น่อนน่อนรู้สึกคงจะปีนเข้าไปไม่ได้แล้ว
เสิ่นเหลียงพูดว่า “น่าจะยังอยู่นะ”
ทั้งสองเดินไปได้สักพัก ถึงเดินมาถึงกำแพงเตี้ยอันนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...