จริงอยู่ที่ตู้จื่อเหิงไม่ได้เต็มใจแต่งงาน แต่นางเองก็เช่นกัน
หากเขาไม่เต็มใจ ก็ควรจะออกแรงขัดขืนตั้งแต่ก่อนแต่งงาน
บัดนี้เมื่อแต่งงานกันแล้ว เขากลับคิดจะทำให้นางต้องอับอายขายหน้า นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันยอมได้เด็ดขาด
ชาติก่อนก็เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนั้นผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันยุ่งเหยิงนี้คืออวี๋เจียวเจียว
อวี๋เจียวเจียวเก็บความแค้นเรื่องความอัปยศในคืนวันแต่งงานไว้ในใจ หลังจากทราบการกระทำของโหยวปิงเย่ว์ ก็พยายามขัดขวางไม่ให้จวนอัครมหาเสนาบดียื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
สุดท้ายโหยวปิงเย่ว์ถูกจับตัวไป แต่ก็เหมือนไม่ได้ถูกจับไป
โหยวปิงเย่ว์ผู้นั้นมีสหายชายคนสนิทมากมาย หนึ่งในนั้นคืออ๋องเซียวหยางแห่งราชวงศ์ปัจจุบัน
อ๋องเซียวหยางไม่เพียงแต่ยื่นมือเข้ามาปกป้องนางไว้ ยังช่วยนางระบายความแค้น ลงโทษจวนอู่อันโหวอย่างหนักหน่วง
หลังจากนั้นอ๋องเซียวหยางยังไม่หายแค้น ครั้งหนึ่งเมื่ออวี๋เจียวเจียวเดินทางออกนอกจวน ก็จงใจทำให้ล้อรถม้าของนางหัก ทำให้นางต้องอับอายขายหน้ากลางถนนไม่พอ แขนยังหักจากการตกจากรถม้าอีกด้วย ต้องพักฟื้นอยู่นานถึงครึ่งปีกว่าจะหายดี
ส่วนโหยวปิงเย่ว์กลับไม่ได้รับโทษทัณฑ์ใดๆ เลย มิหนำซ้ำเรื่องนี้ยังกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของตู้จื่อเหิงขึ้นมาอีก
สามปีต่อมาในการสอบขุนนาง เขาสอบได้ตำแหน่งจอหงวน และอาศัยโอกาสที่ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่ง ขอจวนพักอาศัยแห่งหนึ่ง แล้วพาโหยวปิงเย่ว์ย้ายออกไปอยู่ด้วยกัน
ในจวนแห่งใหม่นั้น สถานะของอวี๋เจียวเจียวก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว
แม้จะเป็นภรรยาเอก ทั้งยังมีจวนเจ้ากรมและคู่สามีภรรยาอัครมหาเสนาบดีคอยหนุนหลัง แต่นางก็ยังคงเสียหน้าอยู่บ่อยครั้ง
ตรงกันข้ามกับโหยวปิงเย่ว์ผู้นั้น ไม่เพียงแต่ได้รับการปกป้องดูแลอย่างดีจากตู้จื่อเหิง ความก้าวหน้าของตู้จื่อเหิงยังทำให้ท่านอัครมหาเสนาบดีและฮูหยินอัครมหาเสนาบดีมองเห็นข้อดีของนาง ท่าทีที่มีต่อนางก็ผ่อนคลายลงมาก...
------
ในยามบ่าย ป้ายขอเยี่ยมของฮูหยินอู่อันโหวก็ถูกส่งมาตามคาด
ในตอนนั้น เหยาซื่อ ฮูหยินอัครมหาเสนาบดียังไม่ทราบเรื่องที่โหยวปิงเย่ว์ทำร้ายคน เพียงแต่รู้สึกสงสัย “เหตุใดฮูหยินอู่อันโหวถึงมาเยี่ยมเยียนในเวลานี้กัน?”
นางกับฮูหยินอู่อันโหวไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนัก เป็นเพียงคนรู้จักที่แค่พยักหน้าทักทายกันเท่านั้น
พอดีกับที่ท่านอัครมหาเสนาบดีตู้กลับมาจากข้างนอก ตอนที่เขาเปิดม่านเข้ามาในห้องก็ได้ยินคำพูดของเหยาซื่อพอดี ใบหน้าที่เคร่งขรึมพลันปรากฏแววโทสะขึ้นมาวูบหนึ่ง “ยังไม่ใช่เพราะเรื่องวุ่นวายที่เจ้าลูกทรพีนั่นก่อขึ้นอีกหรือ!”
เหยาซื่อไม่เข้าใจ “จื่อเหิงเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? สองวันนี้เขาไม่ได้ก่อเรื่องอะไรมิใช่หรือ?”
เรื่องเหลวไหลเพียงอย่างเดียวที่เขาทำในช่วงสองวันนี้ ก็คือการหยามเกียรติเจ้าสาวในคืนวันแต่งงาน
แต่เรื่องนี้อย่างไรก็ไม่ถึงตาจวนอู่อันโหวต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว
ท่านอัครมหาเสนาบดีตู้เล่าเรื่องที่โหยวปิงเย่ว์ทำร้ายคนออกมาด้วยความขุ่นเคือง
เขาเองก็เพิ่งจะทราบเรื่องนี้เช่นกัน
หลังจากทราบเรื่องนี้
เขาก็รีบเดินทางไปยังจวนอู่อันโหวทันที แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ ทำได้เพียงกลับมาเพื่อคิดบัญชีกับเจ้าลูกทรพี
ไม่คาดคิดว่า เขายังไม่ทันได้เรียกเจ้าลูกทรพีมา คนหาเรื่องก็มาถึงประตูเสียแล้ว
“ใครอยู่ข้างนอก ไปตามเจ้าลูกทรพีนั่นกับหญิงนางนั่นมา เรื่องวุ่นวายที่พวกเขาก่อขึ้น ก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง!”
เหยาซื่อรีบเอ่ยห้าม “ท่านพี่ อย่าเจ้าค่ะ! หากเรื่องนี้จัดการได้ไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อการสอบขุนนางของจื่อเหิงในปีนี้ได้นะเจ้าคะ!”
การสอบขุนนางในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับผลคะแนนและเส้นสาย แต่ยังให้ความสำคัญกับคุณธรรมความประพฤติอีกด้วย
หากเป็นคนชั่วช้าสามานย์ ต่อให้ผลคะแนนดีเพียงใด ราชสำนักก็ไม่มีวันรับเข้าทำงาน
ตู้จื่อเหิงเป็นถึงบุตรชายของอัครมหาเสนาบดี ทั้งยังเป็นตัวเก็งในการสอบคัดเลือก ไม่รู้ว่ามีคนจับจ้องเขาอยู่มากเท่าใด!
หากเรื่องนี้บานปลายใหญ่โต ล่วงรู้ไปถึงพระกรรณของฝ่าบาท ย่อมส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาเป็นแน่!
ท่านอัครมหาเสนาบดีตู้เงียบไป
พ่อบ้านเพียงรู้สึกเหมือนมีหนามอยู่บนหลัง เหมือนมีก้างติดอยู่ในลำคอ เมื่อเห็นทั้งสองคนเงียบไปแล้วจึงเอ่ยปากขึ้น “นายท่านและฮูหยินขอรับ ผู้ที่ฮูหยินอู่อันโหวขอเข้าพบ... คือฮูหยินน้อยขอรับ”
“ว่ากระไรนะ?”
สองสามีภรรยาอัครมหาเสนาบดีนิ่งอึ้งไป



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชะตานี้ ข้าคือผู้กำหนด