ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 299

ซุนซู่ได้ยินพ่อตากับแม่ยายพูด ก็เหลือบมองหวังเจียเจีย

มองเธอที่ถูกทำร้ายจิตใจจนนิ่งอยู่กับที่ ท้ายที่สุดก็ยื่นมือไปประคองเธอให้นั่งลง

เขายิ้มเย้ยหยัน “ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้อยใจ ก็ไม่คิดจะชดเชยเลยเหรอ”

หวังอี้กวางโกรธ

ถ่อมาตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะมาเอาส่วนแบ่งมรดกของเขางั้นเหรอ

ลองไปถามคนอื่นดูเอาว่าลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว มีใครบ้างที่กลับมาแย่งสมบัติกับลูกชาย พี่เขยเขาคนนี้ทั้งจองหองทั้งเลวระยำเสียจริง!

“พี่เขย พ่อผมยังไม่ทันตายเลยนะ!” เขาพูดอย่างโทสะ “ถึงว่าทำไมพี่สาวผมถึงคิดเล็กคิดน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะคุณ!”

ซุนซู่ปากคอเราะราย “ในเมื่อพ่อตายังมีชีวิตอยู่ ทำไมต้องบังคับให้เจียเจียซื้อสุสานให้ด้วยล่ะ”

ชายชราอ้าปากค้าง โกรธจนไอออกมาอย่างรุนแรง

เขาร่างสั่นเทา ดวงตาขุ่นมัว “ฉันไม่เคยขอให้เจียเจียซื้อสุสาน เจียเจียเป็นคนกตัญญู...อนิจจา ตาแก่อย่างฉันทำให้พวกเธอต้องทะเลาะกัน ฉันคงอยู่ได้อีกไม่นาน แค่หวังว่าลูก ๆ จะมีความสุข หากฉันตายพวกเธอก็หาที่ฝังฉันที่ไหนสักที่ก็พอ ไม่ต้องมาเป็นธุระ..."

หวังเจียเจียรู้สึกหายใจไม่ออกอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้พูดอะไร

หวังอี้กวางพูดอย่างโกรธเคือง “นี่พี่จะทำให้พ่อผมโกรธจนตายเลยหรือไง ในฐานะที่เป็นลูก ๆ เลี้ยงดูพ่อแม่จนถึงวาระสุดท้าย ซื้อสุสานให้พ่อก็คือความกตัญญู...”

ซุนซู่แสดงความคิดเห็นออกมาอย่างแน่วแน่ “ผมไม่ได้บอกว่าไม่ควรกตัญญู ในเมื่อเป็นลูกด้วยกันทั้งคู่ อย่างนั้นก็ไม่ควรเป็นเจียเจียที่ออกอยู่คนเดียวสิ ผมยังยืนยันคำเดิม สุสานชิงซานขนาดใหญ่ราคาสองแสนห้าหมื่น ฉันกับเจียเจียจะออกหนึ่งแสนห้าหมื่น แล้วคุณจ่ายส่วนที่เหลือด้วยตัวเอง”

หวังอี้กวางอ้าปาก พี่เขยของเขาหนักแน่นขนาดนี้ เขาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร

เขาก้มศีรษะลง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดอย่างหดหู่ “ผมไม่มีเงิน! เงินเดือนของผมแค่สี่พัน ลำพังค่าครองชีพก็ไม่พอแล้ว เงินเก็บก็ไม่มี...”

ซุนซู่ “ผมไม่สน ผมขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่ากตัญญูต่อพ่อแม่ได้ แต่ไม่ใช่เอาแต่สูบเลือดสูบเนื้อลูกสาว ถ้าพวกคุณยืนยันที่จะให้เจียเจียจ่ายเงินสองแสนห้า ผมจะหย่ากับเธอทันที”

สองหญิงชายชราตกตะลึงพลางมองไปที่เจียเจียอย่างร้อนใจ

โดยปกติในช่วงเวลาแบบนี้ เจียเจียจะดึงลูกเขยออกไป คนหนุ่มสาวจะทะเลาะกันอย่างไรพวกเขาจะไม่ยุ่ง แต่มันน่าเกลียดเกินไปที่มาบอกว่าพวกเขาสูบเลือดสูบเนื้อลูกสาว!

ในที่สุดหวังเจียเจียก็พูด “พ่อแม่ หนูจะออกค่าสุสานให้”

หญิงชรา ชายชรา และหวังอี้กวางต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก! ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำ เจียเจียจะต้องช่วยพวกเขา...

แต่แล้วเธอก็ถามด้วยรอยยิ้ม “แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ซุนซู่กับหนูจะต้องหย่ากัน ลูกสาวก็ต้องอยู่กับหนู ที่บ้านพอจะมีที่ว่างให้หนูอยู่ได้ไหม”

ห๊ะ? หญิงชราอุทานอย่างตกตะลึง ส่วนชายชราก็ตะกุกตะกัก

หวังอี้กวางขมวดคิ้วพลางพูด “เจ๊ ที่บ้านไม่มีห้องแล้ว พ่อแม่หนึ่งห้อง ส่วนผมอยู่หนึ่งห้อง ห้องหนังสือก็มีหนังสือเยอะมาก ไหนจะคอมพิวเตอร์อีก ห้องผมไม่สามารถวางได้เยอะขนาดนั้น...”

หวังเจียเจียมองไปที่หญิงชรา

ทำให้เธอผิดหวังแล้ว หญิงชราอึกอัก ลังเลที่จะพูด และในที่สุดก็ถอนหายใจ “บ้านที่ซื้อใหม่ของอี้กวางยังไม่มีเงินตกแต่ง...อีกสองปีเขาต้องแต่งงาน เมื่อลูกสะใภ้คลอดลูกแม่ก็จะต้องช่วยดูแล...”

สำคัญที่สุดก็คือ ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยเรื่องสินสอดให้กับหวังอี้กวางไว้ล่วงหน้า ฝ่ายหญิงเคยบอกว่าไม่ต้องการไปมาหาสู่กับพี่สาวสามี...ถ้าลูกสาวอาศัยอยู่ที่บ้าน ลูกสะใภ้คงไม่มีความสุขแน่ ๆ

หญิงชราปาดน้ำตา เพียงรู้สึกว่าค่อนข้างยากเกินไป นี่มันเรื่องอะไรกัน!

ชายชราพูดเสียงอ่อย “เจียเจีย ถ้าลูกสะใภ้เข้าบ้าน แต่พี่สาวของสามียังอยู่ที่บ้าน แบบนี้...มันไม่สมเหตุสมผล พูดออกไปคนอื่นจะหัวเราะเยาะ เธอไปเช่าห้องอยู่ข้างนอกได้..."

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ขาดแคลนเงินขนาดนั้น ค่าเช่าบ้านพันสองพันก็เพียงพอสำหรับแม่และลูกสาวที่จะพักอาศัย

หวังเจียเจียเข้าใจแล้ว น้ำตาคลอเบ้ามองพ่อแม่ตัวเอง “เป็นแบบนี้นี่เอง...แล้วบ้านหนูล่ะ บ้านหนูอยู่ที่ไหน”

คิดมาตลอดว่าทุ่มเทดูแลมามากขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าพ่อแม่จะรักน้องชายมากแค่ไหน แต่ก็จะปฏิบัติกับเธอเหมือนลูกสาว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน