ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 585

เฉิงโจวยืนอยู่กับที่และมองแขกที่อยู่ในห้องรับแขก

ความดื้อรั้นในใจของเขากำลังเหิมเกริม ‘อย่าไปสนใจพวกเขา แขกบ้าแขกบออะไร เกี่ยวอะไรกับเขา ปิดประตูแล้วเข้าห้องไปเลยหรือว่าหยิบของแล้วเดินออกไป’

แต่เมื่อมองเห็นมู่กุยฝานที่เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้คนรู้สึกกดดัน...

เฉิงโจวก็พูดจากจิตใต้สำนึกว่า “สวัสดีครับคุณลุง สวัสดีครับพี่ สวัสดีครับน้อง...”

มู่กุยฝานแสยะยิ้ม “ก็ดูเชื่อฟังไม่ใช่เหรอ”

พ่อแม่ของเขอเข่อก็รู้สึกประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นเฉิงโจวดูเชื่อฟังขนาดนี้

“ไปรินชาให้แขกสิ” แม่ของเขอเข่อพูด “คอยดูน้องด้วย ฉันกับพ่อแกจะไปทำอาหาร...”

หลังจากสองสามีภรรยาขอโทษขอโพยเสร็จแล้วก็รีบเข้าครัวไปทำอาหาร

แผนเดิมที่วางไว้คือเมื่อแขกมาถึงก็จะเสิร์ฟอาหารพอดี แบบนี้แขกจะได้ไม่รอนาน

แต่ตอนนี้ล่าช้าแล้ว

เฉิงโจวหยิบกาต้มน้ำบนโต๊ะชาแล้ววางไว้หน้าเครื่องต้มน้ำอัตโนมัติและกดเปิดเครื่องโดยไม่พูดไม่จา

จากนั้นเดินไปหยิบชาที่ตู้แล้วคีบใบชาโยนใส่ในกาน้ำชา

เมื่อเขาเห็นมู่กุยฝานชำเลืองมอง

การกระทำของเฉิงโจวก็เปลี่ยนเป็นระมัดระวังจากจิตใต้สำนึก เขาปิดกล่องใบชาจนสนิทและวางมันกลับที่เดิม...

เขอเข่อยืนเกาะโต๊ะชาอยู่อีกด้านและมองซู่เป่าปลอกเปลือกองุ่น

ซูอวิ๋นเจาลุกขึ้นพลางพูดว่า “ฉันจะไปดูว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

ซูอวิ๋นเจารู้สึกตัวชาเพราะผีที่อยู่ข้างหลังเฉิงโจวเอาแต่จ้องเขาตลอดเวลาที่นั่งอยู่โซฟา

จากนั้นมีเสียงของพ่อแม่เขอเข่อดังออกมาจากห้องครัว ‘ปัดโธ่ ไม่ต้องช่วยหรอก ไม่ต้องช่วยหรอก’

ตามมาด้วยเสียงของซูอวิ๋นเจา ‘หลานสาวของผมค่อนข้างกินยาก ผมจะทำกับข้าวให้เธอสักสองอย่าง’

อาการป่วยของเขอเข่อยังรักษาไม่หายดี นอกจากซู่เป่าแล้ว ตัวตนของซูอวิ๋นเจาและมู่กุยฝานยังไม่ถูกเปิดเผย

ในห้องรับแขก ซู่เป่าและมู่กุยฝานจ้องเฉิงโจวในท่าเดียวกัน

ในที่สุดเฉิงโจวก็ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “พวกคุณเอาแต่มองผมทำไม”

มู่กุยฝานชำเลืองมองเขอเข่อแวบหนึ่ง “นายก็รักน้องมากใช่ไหม”

เฉิงโจวตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา “ให้ตายเถอะ น้องสาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกลียดมากที่สุดบนโลกใบนี้ ผมรักเธอมากเหรอ เชอะ”

เขากรอกตามองบนแล้วลูบขนที่ลุกซู่บนแขนด้วยสีหน้าเย็นชา

ซู่เป่าพูดว่า “พี่เฉิงโจว พี่ไม่ต้องปิดบังหรอก หนูดูออก”

เธอมองออกว่าเฉิงโจวไม่ได้ร้ายอะไร เมื่อก่อนเขาต้องเป็นพี่ชายที่ดีมากแน่ๆ

เฉิงโจวหมดคำพูดและไม่อยากอธิบาย เขาเทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาและคนอย่างลวกๆ แล้วเทน้ำชาน้ำแรกทิ้ง

จากนั้นเทน้ำร้อนรอบที่สองลงไปแล้วเทน้ำชาที่ได้จากครั้งนี้ให้แขก

มู่กุยฝานมองดูการกระทำของเขาและรู้สึกว่าเด็กคนนี้ก็พิถีพิถัน

แต่เพิ่งจะคิดเช่นนั้นก็เห็นเขาพูดหยาบคายกับเขอเข่อว่า “หลบไป ถ้าโดนน้ำร้อนลวกแล้วอย่ามาว่าฉันเป็นคนทำอีกล่ะ”

เขอเข่อเบะปากและล้มลงในอ้อมแขนของซู่เป่า

เมื่อเฉิงโจวชงชาเสร็จ เขาก็ไปนั่งอีกด้านของโซฟาแล้วยัดหูฟังใส่หูพร้อมกับเปิดเกม เสียงของเกมดังมากจนแม้แต่มู่กุยฝานที่นั่งอยู่อีกด้านก็ยังได้ยิน

เขาขังตัวเองไว้ในโลกของเขาเองและไม่ยอมเชื่อมสัมพันธ์กับโลกภายนอกเลย

มู่กุยฝานถามเบาๆ ว่า “ซู่เป่า ด้านหลังเขามีผีใช่ไหม เป็นผีอะไรเหรอ”

จี้ฉางที่นั่งขัดสมาธิอยู่อีกด้านกำลังจะตอบจากความเคยชิน แต่คาดไม่ถึงว่าซู่เป่าจะแย่งตอบก่อน “เป็นผีดื้อรั้นค่ะ”

จี้ฉาง “...”

เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ ควรจะเป็นเขาเป็นคนพูดสิ

เมื่อก่อนซู่เป่าเพียงแค่ดูออกว่าเป็นผีร้ายหรือวิญญาณพยาบาท แต่เธอดูไม่ออกว่าเป็นผีอะไร

ตอนนี้กลับสามารถพูดมันออกมาได้เลย

ดังนั้นหนังสือสารานุกรมอย่างเขาคงไม่มีประโยชน์แล้วสินะ

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้นซู่เป่าก็หันหน้ามาถามว่า “ท่านอาจารย์คะ ผีดื้อรั้นก็เป็นเพียงผีร้ายธรรมดา เห็นชัดๆ ว่าผีเกาะที่ตัวพี่เฉิงโจว แต่ทำไมถึงสามารถส่งผลกระทบต่อน้องเขอเข่อได้ล่ะคะ”

จี้ฉางรู้สึกชื่นใจจากการถูกต้องการและพูดว่า “ยังจำที่แม่ของเขอเข่อบอกว่าเขอเข่อเริ่มป่วยตั้งแต่ตอนไหนได้ไหม”

ซู่เป่าพยักหน้า “จำได้ค่ะ คุณป้าบอกว่าน้องเขอเข่อเริ่มป่วยตั้งแต่แรกเกิดค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน