ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 742

แม่สื่อผีเป็นคนที่ซื่อตรงมาก

ถึงกับอดใจรอไม่ไหวที่จะรีบเล่าเรื่องราวชีวิตก่อนตาย เพราะคิดว่าเล่าไปแล้วจะได้หลุดพ้น

แม่สื่อผีแอบคิดในใจรอเธอเล่าเสร็จก็น่าจะปล่อยตัวเธอไปใช่ไหม?

ถึงแม้จะไม่ปล่อยเธอไป แต่ก็น่าจะเอาเธอเข้ามาทำงานให้ยัยหนูนี่ใช่ไหม?

อย่างไรเสียจะทำงานให้ใครก็ช่างเถอะ…เธอถูกนักพรตซานชิงปล่อยตัวออกมาแถมเวลาก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วก็ไม่เห็นว่านักพรตซานชิงจะมาตามให้เธอกลับไปด้วยซ้ำ

ยังไงเธอก็คงที่จะชอบติดตามนักพรตซานชิงมากกว่า อย่างไรเสียนักพรตซานชิงก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ก็นับว่าเป็นที่พึ่งให้เธอได้…

ด้วยความคิดแบบนี้ แม่สื่อผีก็เลยเริ่มที่จะค่อยๆ เล่าว่า “ฉันชื่อกัวเหม่ยเหริน…”

ทันใดนั้นผีขี้ขลาดก็รู้สึกแปลกๆ “หืม เธอแน่ใจเหรอ?”

เขามองแม่สื่อผีตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอ่ย “เอวแข็งแรงเหมือนหมี หลังกว้างเหมือนเสือ ตาเล็ก อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าก็แบนเรียบ เธอนี่ทำเสียชื่อหมดจริงๆ”

ผีหลายใจเอ่ย “อย่าขัดจังหวะ!”

ผีดวงซวยเอ่ย “อ้ะ เธอพูดต่อเลย กัวเหม่ยเหริน”

แม่สื่อผี “…”

“ฉันเป็นคนจากหมู่บ้าน xx เมืองxx จังหวัดxx เสียชีวิตเมื่อต้นปี 2002”

รอบนี้ถึงคราวที่ผีหลายใจตกใจบ้างแล้ว “นี่เธอเพิ่งตายตอนปี 2002 เองเหรอ? ฉันก็นึกว่าเธอเป็นผีสมัยโบราณเสียอีก หรือไม่งั้นอย่างน้อยก็คงเป็นผีในยุด 60 หรือ 70 นี่แหละ!”

หลังจากได้ยินที่ผีคลั่งรักเล่าแล้ว พวกผีทั้งหลายก็รู้สึกว่าความคิดของแม่สื่อผีนั้นแคบเกินไป ก็เลยจัดเธอให้อยู่ในหมวดหมู่ของ ‘ผีโบราณ’ โดยจิตใต้สำนึก

ผีชุดแต่งงานแดงเอ่ย “เห้อ…ดีจริงๆ ไม่ได้เป็นเหมือนข้า อยู่ดีๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที”

ผีทึ่มถามอย่างงงวยว่า “ในเมื่อเธอก็เป็นคนในยุคสมัยใหม่ ทำไมถึงได้มีความคิดที่โบราณแบบนั้นกันล่ะ?”

แม่สื่อผีหลบเลี่ยงแล้วคิดอยู่นานถึงจะพูดออกมา “ศักดินาหรือไม่ศักดินาไม่ได้ดูที่ยุคสมัย แต่ขึ้นอยู่กับจิตใจคนต่างหาก”

จี้ฉางและพวกผีหลายใจรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้ออกมาจากปากแม่สื่อผี

แม่สื่อผีมองไปที่ซู่เป่าแวบหนึ่งแล้วก็พูดต่อ “หมู่บ้านที่ฉันอยู่คือหมู่บ้าน xx ที่จริงก็ไม่ได้นับว่าหมู่บ้านนี้ล้าหลังหรือกันดารอะไรหรอก”

ในปี 2002 ซึ่งก็คือ 20 ปีที่แล้ว ในตอนนั้นชีวิตของทุกคนก็ค่อนข้างจะดีเลยล่ะ ไม่ได้อดอยากอะไร บ้านทุกหลังในหมู่บ้านล้วนมีทีวีกันหมด สายลมฤดูใบไม้ผลีแห่งยุคสมัยใหม่ได้พัดเข้ามาที่พื้นที่นี้นานแล้ว

“ตอนฉันแต่งงานฉันอายุแค่ 15 ปีเองมั้ง คนในหมู่บ้านของเรามักจะแต่งงานกันเร็ว หลังฉันจบม.ต้น ก็แต่งงานมีลูกแล้ว”

ซู่เป่าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของอายุทางกฎหมายมากนัก แต่พอเห็นสีหน้าตกใจของพวกผีหลายใจก็แกะลูกอมหนึ่งเม็ดแล้วนั่งฟังต่อ

รวดแกะลูกอมอีกเม็ดนึงแล้วเอาเข้าปากท่านอาจารย์ด้วย

จี้ฉาง “ข้าไม่…อืม”

ก็หวานดี

แม่สื่อผีเล่าต่อ “ผู้ชายที่ฉันแต่งด้วยไม่เคยเรียนประถมเลยด้วยซ้ำ ครอบครัวของเขามีต้นสนอยู่หลายสิบไร่ และหาเลี้ยงชีพจากการสกัดน้ำมันสนเป็นหลักมาหลายรุ่นแล้ว”

ฝ่ายชายอายุมากกว่าเธอหนึ่งรอบ ปกติก็จะหยิบมีดขึ้นเขาไปเก็บน้ำสนมา ส่วนถ้าเจอหมูป่าก็ตามทัน นิสัยเขาเป็นแบบนี้แหละค่อนข้างอารมณ์ร้อน

“พอเพิ่งจะคลอดลูกครั้งแรกก็ได้ลูกสาว สีหน้าของแม่สามีถึงกับเปลี่ยนไปเลยในทันที”

เป็นเพราะไม่ได้คลอดลูกผู้ชาย สามีก็ไม่ได้ไว้หน้าเธออีก พอไม่สบอารมณ์ก็ด่า

“ในตอนนั้นฉันยังหนีกลับบ้านไปฟ้องแม่อยู่เลย แต่แม่กลับบอกฉันว่าผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้วก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ สามีดุด่าก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ใช่หรือไงล่ะ?”

ด้วยความที่เธอหนีกลับบ้านไปฟ้องครอบครัว ทางบ้านของสามีก็เลยขายหน้า พอกลับไปแล้วเธอกลับโดนด่าหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ฉันยังไม่ได้ออกเดือนเลย เพิ่งคลอดลูกเสร็จวันที่สามก็ต้องหอบเสื้อผ้าไปซักที่ริมแม่น้ำ แถมยังต้องสะพายลูกไปทำนาด้วย”

กลับบ้านตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์ พอแม่ของเธอจับเธอได้ก็จะบ่นเรื่อยเปื่อยกับเธอว่าผู้หญิงคนไหนๆ ก็ต้องให้กำเนิดลูกชายทั้งนั้นแหละ ขอเพียงเธอคลอดลุกชายได้ชีวิตของเธอหลังจากนี้ก็จะดีขึ้น

ด้วยเหตุนี้เธอก็เลยยึดติดแต่กับเรื่องคลอดลูกชาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ให้กำเนิดลูกทั้งสี่คนติดต่อกันเป็นผู้หญิงทั้งหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน