ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 785

ยัยแม่เฒ่าตั้งใจไปตัดผมและยังดัดลอนมาม่า...

เรื่องในคืนนั้นทำให้ขายหน้าอย่างมาก เขาเกรงว่าคนอื่นจะจำหน้าเธอได้ เสื้อผ้าที่ใส่ในคืนนั้นก็ทิ้งไปแล้ว

ผ่านไปหลายวัน ไม่มีใครจำเธอได้ เธอจึงรู้สึกโล่งอกไปที

คุณลุงคุณป้ามักชอบนินทาเรื่องชาวบ้านเป็นที่สุด

พวกคุณลุงคุณป้าเหล่านี้ตามลูกตัวเองหรือลูกสะใภ้มาอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้พักอาศัย คนที่อยู่ในกลุ่มผู้พักอาศัยส่วนใหญ่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็นคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง

พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่ยัยแม่เฒ่าทะเลาะกับคนอื่นเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา จึงถามต่อด้วยความสนใจ “ล้มละลาย?คนเบี้ยวหนี้?”

ยัยแม่เฒ่าก้มหัวเข้าใกล้และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำจากนั้นก็อ้าปากแต่งเรื่อง “ก็คือครอบครัวที่อยู่เพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่ในเขตชุมชนของพวกเราไงล่ะ!”

“เดิมที่ครอบครัวของพวกเขาทำธุรกิจอยู่ในเขตเมือง และยังพักอยู่ในวิลล่าหลังใหญ่อีกด้วย!แต่สุดท้ายก็เกิดล้มละลาย โดนคนอื่นไล่ทวงหนี้จนหมดหนทาง จึงได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่นี่ไงล่ะ”

เหล่าคุณป้าต่างแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “อ้าว—— หนีหนี้มาเหรอ!ชิๆ”

“ฉันว่านะ ถ้าสามารถซื้อเพนท์เฮ้าส์ได้ก็ต้องมีเงินอย่างน้อยหนึ่งถึงสองล้าน แล้วทำไมไม่เอาไปใช้หนี้ล่ะ”

ยัยแม่เฒ่าชำเลืองมองซู่เป่าและซูเหอเหวินสักพัก ก่อนจะพูดจานินทาต่างๆนานา “จริงด้วยสิ แบบนี้ไงเขาถึงเรียกว่าคนเบี้ยวหนี้!โรงเรียนที่เด็กผู้หญิงเข้าเรียนนั้นก็เป็นโรงเรียนอนุบาลของเอกชน โน้นไง โรงเรียนอนุบาลที่อยู่ตรงข้ามกับเขตชุมชน ค่าเล่าเรียนเทอมละหมื่นสี่

ย่านคอนโดนี้เป็นเขตโรงเรียน มีโรงเรียนอนุบาลรัฐและโรงเรียนประถมรัฐจัดตั้งอยู่

โรงเรียนอนุบาลรัฐจะอยู่ค่อนข้างไกล ห่างจากเขตชุมชนประมาณหนึ่งกิโลเมตร แต่ค่าเล่าเรียนเทอมละแค่สี่พัน

โรงเรียนอนุบาลเว่ยไหลซิงค่าเทอมค่อนข้างสูง มีเจ้าบ้านในย่านคอนโดนี้บางคนก็ได้ส่งเด็กไปเรียนที่นั่นด้วย เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้บ้าน แต่ครอบครัวกลุ่มนี้จะมีเป็นส่วนน้อย เพราะสำหรับค่าครองชีพของคนแถวนี้แล้วก็ถือว่าค่าเทอมที่โรงเรียนอนุบาลเว่ยไหลซิงมีค่าใช้จ่ายที่นับว่าสูงอยู่เหมือนกัน

เหตุผลที่นายหญิงซูตัดสินใจส่งซู่เป่าเข้าเรียนที่เว่ยไหลซิง ก็เพราะว่าเว่ยไหลซิงอยู่ใกล้กับโรงเรียนประถมของซูเหอเหวิน อีกอย่างการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลรัฐก็ไม่ดีเท่ากับโรงเรียนอนุบาลเอกชน

แต่คำพูดของยัยแม่เฒ่ากลับไม่คิดเห็นเช่นนี้

“ครอบครัวของพวกเขามีเงินแต่ไม่ยอมใช้หนี้ แม้จะล้มละลายแล้วแต่ลูกชายของบ้านนี้ยังคงเบี้ยวหนี้อยู่ในเขตเมือง ใครจะคิดถึงว่าเขาได้ส่งแม่และลูกมาอาศัยอยู่ที่นี่ ก็คือมีเงินแต่ไม่ยอมคืนเงิน ตัวเองกลับมาซื้อเพนท์เฮ้าส์และให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลเอกชน”

มียายคนหนึ่งถามขึ้นว่า “ไม่ถูกนี่นา ครอบครัวเขามีผู้ชายคนหนึ่ง ฉันได้ยินเด็กคนนั้นเรียกเขาว่าพ่อ เขาก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน!”

“หรือว่าเขาอาจจะขายบ้านวิลล่าและใช้หนี้จนหมดแล้ว เลยมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยกัน”

ยัยแม่เฒ่านิ่งไปชั่วครู่ เธอยังไม่ได้คิดว่าจะแต่งเรื่องส่วนนี้ยังไง

ความทรงจำที่แม่นยำของเธอก็คือซูอีเฉินในชุดสูทกับรองเท้าหนัง ที่ขับไล่เธอออกนอกประตูอย่างไร้มารยาท จากนั้นก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย

ชายหนุ่มที่หักไม้ถูพื้นและไล่เธอออกไปก็เป็นอีกคนหนึ่ง...

เอ๊ะ ทำไมถึงมีผู้ชายสองคน!

ตามหลักแล้ว แม่ของเด็กก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่!

ยัยแม่เฒ่าซุบซิบไปมาและพูดขึ้นว่า “รู้หรือยังว่าพ่อแม่ของเด็กคนนั้นหย่าร้างกันแล้ว เพราะแม่ทนเห็นพ่อล้มละลายไม่ได้จึงหนีไป!”

เหล่าป้าทั้งหลายก็พากันถอนหายใจ

ทุกคนต่างก็รู้สึกรังเกียจในพฤติกรรมเบี้ยวหนี้ไม่ยอมชดใช้หนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่ามีเงินแต่ไม่ยอมคืนเงิน ก็ยิ่งรังเกียจมากกว่าเดิม

ติดหนี้คนอื่น เมื่อเขามาทวงก็บอกว่าไม่มีเงิน

แต่อีกด้านหนึ่งตัวเองกลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกินดีอยู่ดี ซื้อบ้านซื้อรถ จะไม่ให้คนอื่นโมโหได้อย่างไร

พวกป้าๆต่างมองดูเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างสไลเดอร์ จากนั้นก็พากันเบะปาก

เมื่อซูเหอเหวินและซูอี้หรันหันหน้ามา ก็เห็นยัยแม่เฒ่ากับป้ากลุ่มหนึ่งพากันพูดจาซุบซิบ เหมือนข่าวของแม่เฒ่าสองคนที่พูดจานินทาคนอื่นจนถูกแชร์กันให้ว่อนอยู่ในอินเตอร์เน็ต ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง น้ำลายบินกระจาย กรอกลูกตากลมโตไปมา

หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานเดินผ่านไปต่อหน้าพวกเธอ แค่พริบตาก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกติดสองคน

วินาทีต่อมา ซูเหอเหวินกับซืออี้หรันเบิกตากว้างขึ้น

กลุ่มป้าที่ชอบเผือกเรื่องคนอื่น จู่ๆก็มีหัวเด็กน้อยแทรกเข้าไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน