ซูเปอร์หมอเข็ม นิยาย บท 61

ตอนที่ 61 อัตลักษณ์

ขณะที่กำลังจะพูดพลันรู้สึกว่าร่างกายรู้สึกหนาวชอบกล พอก้มมองก็เห็นว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าอะไรอยู่เลย แม้แต่กางเกงชั้นในก็ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

“อ๊ะ! เสื้อผ้าของฉันล่ะ?” เธอกรี๊ดลั่นพลางจะหาอะไรมาคลุมตัวเองแต่กลับพบว่าแม้แต่ผ้าปูที่นอนบนเตียงยังไม่มีเลยสักผืน

“ผิวของคุณแช่อยู่ในน้ำมานานเกินไป หากใส่เสื้อผ้าแล้วมันจะอันตรายเอา ผมก็เลยถอดมันออกมาให้ก็เท่านั้น” หลินหยางพูดพลางจ้องไปที่หน้าอกของหญิงสาว เพราะว่าเธอมัวแต่หาอะไรมาปิดเป็นพัลวันจึงทำให้ภูเขาไฟสองลูกของเธอนั้นกระเพื่อมไปมา ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี

“นี่นาย หันหน้าไปทางอื่นสิ!” พอเห็นหลินหยางที่จ้องเธออยู่เธอก็ตะโกนใส่หลินหยางแล้วใช้มือทั้งสองข้างของเธอปิดส่วนล่างเอาไว้

“ผมเห็นหมดแล้วคุณจะอายทำไมอีก เอ้านี่ ดื่มแกงไก่ตุ๋นที่ผมทำมาให้สักหน่อย ข้างในผมใส่ยาบำรุงลงไปด้วยมันจะช่วยให้ร่างกายของคุณรู้สึกดีขึ้น” หลินหยางพูดพลางยกแกงไก่ตุ๋นมาวางไว้บนโต๊ะ

แม้ว่าอยากจะไล่หลินหยางออกไปมากแค่ไหนแต่กลิ่นที่โชยมามันช่างกระตุ้นกระเพาะของเธอให้หิวขึ้นมาเสียเหลือเกิน มีทั้งอาหารเลิศรสและความหิวควบคู่มาแบบนี้หญิงสาวจึงเลือกที่จะประนีประนอมดีกว่า

“ถ้าอย่างนั้นรอฉันกินเสร็จก่อนนายค่อยออกไปนะ” ตอนนี้หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองยังไม่มีแรงที่จะประคองตัวเองเท่าไหร่

“พี่เสี่ยวหยาง ข้าขอตัวกลับก่อนนะคะ” พลันเด็กสาวที่ชื่อลั่วหยิ่งก็เดินเข้ามา เมื่อได้เห็นหลินหยางกับหญิงสาวที่นั่งเปลือยตรงนั้นอยู่ด้วยกันใบหน้าของเธอก็แดงวูบขึ้นมา

“อืม ถ้าเช่นนั้นหนูก็กลับบ้านก่อนเถอะ” หลินหยางหัวเราะ

ทันทีที่หนูน้อยนั่นเดินเข้ามาหญิงสาวก็รู้สึกลุกลี้ลุกลนหน่อยๆ หลังจากรอให้ลั่วหยิ่งกลับไปได้สักครู่จึงหันไปมองหลินหยางอย่างไม่พอใจแล้วถามขึ้นว่า “คนๆ นั้นเป็นใครกัน?”

“เป็นเด็กสาวจากในหมู่บ้านนี้นั่นแหละ เด็กคนนี้ช่วยผมเก็บสมุนไพร หากไม่ใช่เพราะว่าเด็กคนนั้นเห็นคุณแล้วล่ะก็ผมก็คงไม่ได้ช่วยคุณเอาไว้เป็นแน่” จริงๆ แล้วขณะนั้นหลินหยางกำลังยืนหันหลังให้แม่น้ำพอดี

“นอกจากพวกนายสองคนแล้วยังมีใครเห็นร่างกายของฉันอีกหรือเปล่า?” หญิงสาวถามพลางมองหลินหยางอย่างดุร้าย

“มีสิ เป็นท่านแม่เฒ่าที่เป็นหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้เอง นางมาดูอาการของคุณด้วยความเป็นห่วงว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีใครแล้วล่ะครับ” หลินหยางพูดด้วยสัตย์จริง

พอหญิงสาวได้ยินว่าเป็นแม่เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านจึงผ่อนคลายลง จากนั้นจึงหันกลับไปให้ความสนใจกับกลิ่นหอมที่อยู่ตรงหน้าพลางเห็นหลินหยางยังนั่งไม่รู้ฟ้ารู้ฝนอยู่ที่เดิมเธอจึงพูดอย่างอารมณ์เสีย “กินข้าวได้แล้ว!”

พอหลินหยางได้ยินก็ยิ้มขึ้นมา เขาหยิบช้อนพลางตักเนื้อไก่เข้าปากของหญิงสาวไป

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ถึงแม้ว่าจะหิวแค่ไหนก็ตามเธอยังไม่ลืมตัวทั้งยังดูสง่าอีกด้วย เวลาผ่านไปยี่สิบนาทีหญิงสาวก็ทานจนเกลี้ยงชาม

“เฮ้อ ป้อนข้าวคุณนี่เหนื่อยจริงๆ” หลินหยางวางชามเปล่าไว้ที่โต๊ะหัวเตียงพลางผ่อนลมหายใจยาวๆ

พอได้ยินหางคิ้วเธอก็กระตุกแล้วก็จ้องไปที่หลินหยาง “คนอื่นอยากจะป้อนฉันแค่ไหนยังไม่มีโอกาสเลย นายนี่ทิฐิสูงจริงๆ...แล้วตอนที่นายกำลังป้อนข้าวฉันเนี่ยนายมองไปที่ไหนของนายกัน?”

หลินหยางกระอึกกระอักเมื่อถูกถาม จริงๆ แล้วหลินหยางมองไปทั่วร่างของหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา แต่ว่าเรื่องแบบนี้หลินหยางไม่ยอมรับง่ายๆ แน่นอน จึงกระแอมแล้วพูด “ผมเพียงแค่ดูอาการผิวหนังก็เท่านั้นเอง เพราะว่าผมมีวิธีที่จะทำให้มันฟื้นฟูกลับมาได้เหมือนเดิม”

ทันที่ที่ได้ยินตาก็พลันเป็นประกายขึ้นมาพลางดึงแขนของหลินหยางมาพูดว่า “ที่พูดมานั่นจริงหรือ?”

หญิงสาวก้มมองดูผิวหนังของตนที่ถูกแช่ในน้ำมานาน ถึงแม้ส่วนบนจะซีดขาวแต่ก็มีบางส่วนที่เน่าเปื่อย ถ้าหากจะฟื้นฟูกลับไปให้เหมือนเดิมล่ะก็คงใช้เวลานาน ถึงเวลาพูดจะง่ายแต่เวลาทำน่ะมันยาก

“ผมจะหลอกไปทำไมกัน อ่า ใช่แล้ว ผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย ผมชื่อหลินหยางครับ” หลินหยางพูด

“ฉันชื่อจางเยว่ อายุสามสิบปี” หญิงสาวพูดอย่างแผ่วเบา หลังจากที่ได้กินข้าวแล้วร่างกายก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติ เสียงพูดของเธอก็เริ่มจะเป็นปรกติเช่นกัน

“นายเพิ่งจะพูดว่านายจะทำให้ผิวของฉันกลับมาเป็นปรกติใช่ไหม?” ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ไหนหรือมาจากไหนก็มีความกังวลกับรูปลักษณ์ของตัวเองทั้งนั้น

“ผมเพียงแค่ใช้ยาทาแผลนิดหน่อย ยาพวกนี้สามารถซึมลงผิวหนังไปได้ ถ้าหากว่าคุณต้องการแล้วล่ะก็ผมสามารถใช้มันกับคุณได้นะ ผ่านไปไม่กี่วันก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วล่ะครับ” หลินหยางพูดพลางมองจางเยว่ อย่างพินิจพิเคราะห์ หญิงสาวผู้นี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี บนใบหน้าของเธอก็ไม่ได้มีริ้วรอยตามอายุเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเมื่อเธอพูดว่าเธออายุสามสิบปีนั่นจึงทำให้หลินหยางประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“ถ้าอย่างนั้นจะทายาตอนนี้เลยได้รึเปล่า?” จางเยว่ถามอย่างกระตือรือร้น

สายตาของหลินหยางกวาดไปทั่วร่างของจางเยว่ ทำให้จางเยว่หน้าแดงมากยิ่งขึ้น ขณะนั้นเองหลินหยางก็พูดขึ้นมาทันควัน “ได้คสิ ถ้าอย่างนั้นรอสักแปบหนึ่งนะ ผมจะไปหยิบยามาให้”

หลังจากที่รอหลินยางสักพัก หลินหยางก็หยิบขวดยาแปลกๆ มา จาวเยว่มองพลางชี้ไปที่ขวดแล้วถามขึ้น “อย่าบอกนะว่าข้างในเป็นยาน่ะ”

“คุณนี่ฉลาดจริงๆ เจ้านี่คือยาขจัดโรค” หลินหยางพูดขึ้นต่อทันที “ยาที่บรรจุอยู่ข้างในเป็นยาที่หาไม่ได้ง่ายๆ นะครับอย่าดูถูกมันเสียล่ะ ราคาของเจ้ายานี่ขวดหนึ่งราคาพุ่งสูงถึงสี่แสนกว่าหยวนเลย”

จางเยว่มองขวดที่อยู่ในมือของหลินหยางอย่างไม่เชื่อพลางพึมพำขึ้นว่า “นายขโมยมาใช่ไหม ขวดละตั้งสี่แสนกว่าเลยเชียวนะ”

“ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะช่วยคุณล่ะก็ผมก็คงไม่หยิบมันออกมาหรอก” หลินหยางยักไหล่พลางบิดฝาขวดเปิดออก ขณะนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ค่อยๆ โชยออกมาจากขวด

เมื่อจางเยว่ได้กลิ่นที่เอ่อล้นออกมาจากขวดขวดนั้นเธอก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที เธอมองขวดนั้นอย่างประหลาดใจแล้วถามขึ้น “ดมดูแล้วประสิทธิภาพน่าจะไม่เลว แต่ว่าราคามันแพงอย่างที่นายพูดจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

“ยาทั้งหมดที่ผมมีทั้งหมดสามขวดรวมขวดนี้เข้าไปด้วย สองขวดครึ่งมีคนจองไว้แล้ว เขาให้ราคามาหนึ่งล้านเลยล่ะ” หลินหยางพูดอย่างนิ่งๆ

ในใจจางเยว่ตอนนี้ระส่ำระสายไปหมด มองดูแล้วหลินหยางผู้นี้คงไม่ได้พูดโกหกแน่ๆ ไม่นึกว่าหมู่บ้านแถบชนบทแบบนี้จะมีคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้อยู่ ประเมินจากสายตาแล้วหมอนี่น่าจะอายุประมาณยี่สิบต้นๆ แล้วไหนจะท่าทางการพูดราคาหนึ่งล้านออกมาแบบไม่สะทกสะท้านนั่นอีก มันไม่ง่ายที่จะพูดออกมาเลยจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์หมอเข็ม