ไม่ว่าจะในสมัยโบราณหรือสมัยยุคปัจจุบัน อัคคีภัยถือเป็นเรื่องสำคัญ
น้ำกับไฟไร้ความเมตตา ในยุคปัจจุบัน ภัยของไฟเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ นับประสาอะไรกับสมัยโบราณที่บ้านเรือนส่วนใหญ่ทำด้วยโครงสร้างของไม้
มีหมอปราบไฟในราชวงศ์ต้าเว่ย ซึ่งก็คือพนักงานดับเพลิงในยุคปัจจุบัน
แต่ไฟครั้งนี้ไม่ธรรมดา ถึงแม้เว่ยเจียนกั๋วจะเข้าวังและเกณฑ์หมอปราบไฟในวังไปให้หมด ไฟครั้งใหญ่เที่ยวนี้ก็ยังต้องอาศัยฝนตกหนักถึงจะดับลงได้
ก่อนที่ไฟจะดับ บรรดาข้าราชสำนักได้ถูกเรียกตัวเข้าวังเพื่อหารือหาทางจัดการกับเหตุการณ์นี้แล้ว
แต่ไฟยิ่งเผายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่ฝนนี้ กะว่าเจ้าหน้าที่ไม่น้อยคงจะต้องโดนถอดหมวกทิ้ง
พื้นที่ระยะทางสามลี้โดยรอบของจวนเจียนกั๋วถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกปกคลุมไปด้วยเมฆดำมืด ดูคล้ายอารมณ์ของบรรดาข้าราชบริพาร
ไม่มีใครสัมผัสรู้ ว่ากองทัพตระกูลเซียวกลับมาแล้ว
พวกเขายังอยู่ในความตระหนกตกใจจากเพลิงไหม้ที่ผ่านมา มีแต่จางจิ่นที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หลังจากอัครเสนาบดีจูตายไป ตำแหน่งอัครเสนาบดีก็ว่างลง และคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของจางจิ่นก็คือเซียวเฉวียน
ตอนนี้เซียวเฉวียนได้ก่อเหตุร้ายยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ต้องไม่ปล่อยให้มันรอดไป ! จางจิ่นขมวดคิ้วและพูดด้วยความเคารพ "ฝ่าบาท เซียวเฉวียนคือหายนะ ไฟในวันนี้ล้วนเกิดจากลูกมือของเขา ! แค่ลูกมือก็สามารถเผาจวนเจียนกั๋วได้ ลูกมือกระทำไม่ดี เซียวเฉวียนไม่อาจหลุดพ้นจากความผิดได้ ฝ่าบาทจะทรงให้อภัยเขาอย่างง่ายดายไม่ได้ !"
แม้เขาจะรู้ว่าเซียวเฉวียนมีระดับความสำคัญมากในใจขององค์จักรพรรดิ แต่จางจิ่นก็ยังต้องการแทงจุดอ่อนของเซียวเฉวียน
ตำแหน่งของอัครเสนาบดีมีแรงดึงดูดมากเหลือหลาย อยู่รองเพียงหนึ่งคนแต่อยู่เหนือคนเป็นหมื่น ใครไม่น้ำลายหกเล่า ?
จางจิ่นก็เป็นคนที่ไร้หัวใจคนหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครบอกว่าจะยกตำแหน่งอัครเสนาบดีให้กับเซียวเฉวียน จางจิ่นเองก็ถือว่าเซียวเฉวียนเป็นศัตรูสมมุติไปแล้ว
ถึงแม้องค์จักรพรรดิได้บอกว่าเมื่อเซียวเฉวียนกลับมาจากภูมิภาคตะวันตก จะมอบตำแหน่งอัครเสนาบดีให้เซียวเฉวียน แต่นั่นเป็นการแอบบอกกล่าวกับเซียวเฉวียนเป็นการส่วนตัว
ถึงองค์จักรพรรดิจะทรงมีวาจาดั่งกฎทองคำ คำไหนเป็นคำนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อสรุปถึงที่สุดแล้ว จางจิ่นใจร้อนที่จะฆ่าเซียวเฉวียนขนาดนี้ มันดูน่าเกลียดเกินกว่าจะมอง
อีกอย่าง คนร้ายตัวจริงของอัคคีภัยครั้งนี้ ต้องเป็นนักปราชญ์
เมื่อพูดถึงนักปราชญ์ จางจิ่นเองถึงจะเป็นคนที่มิอาจหลุดพ้นจากความผิดมากที่สุด เพราะเขาเป็นคนที่รับไว้และแนะนำนักปราชญ์ให้รู้จักกับเว่ยเชียนชิว
คิดจะให้เซียวเฉวียนล้ม จางจิ่นอย่างน้อยจะต้องสืบสาวราวเรื่องให้แน่ชัดเสียก่อน แต่เขาก็ไม่ทำ
หารู้ไม่ จางจิ่นต้องการฆ่าเซียวเฉวียนให้ตาย แต่เว่ยเชียนชิวที่โกรธจวนจะระเบิดต้องการจะฆ่าจางจิ่นยิ่งกว่า !
ยิ่งจางจิ่นกล่าวหาว่าเซียวเฉวียนผิดมากเท่าไร ก็ยิ่งขว้างก้อนหินใส่หัวตัวเองหนักยิ่งขึ้นเท่านั้น แม้จางจิ่นจะเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลจางในเมืองหลวง และไม่เคยประสบความล้มเหลวใดๆ ยันวัยกลางคน แต่ครั้งนี้ เขาทำเร่งรีบเกินไปจริงๆ
“ท่านจาง ท่านไม่รู้หรือว่าไฟนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ?”
องค์จักรพรรดิวางพู่กันในมือลงแล้วจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่ไม่บอกถึงอารมณ์ที่ชัดเจน
“ทูลฝ่าบาท เป็นเพราะเซียวเฉวียน” จางจิ่นตอบคำถามอย่างจริงจังและไม่หลบหลีก
“หรือ ?” องค์จักรพรรดิเอนศีรษะเบาๆ ในฐานะกษัตริย์ของประเทศ เดิมทีพระองค์ก็เกรงกลัวเว่ยเชียนชิวเป็นอย่างมาก ต่อมาเว่ยเชียวชิวได้รับกำลังเสริมจากนักปราชญ์ผู้เฒ่าคนนี้อีก ยิ่งทำให้องค์จักรพรรดิไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
องค์จักรพรรดิไม่พอใจจางจิ่นเพราะนักปราชญ์มานานแล้ว ตอนนี้จางจิ่นคิดจะมากำจัดราชครูของพระองค์เอง องค์จักรพรรดิไม่พอใจอย่างแน่นอนที่สุด "วันนี้เกิดเพลิงไหม้กระทันหันและประชาชนต้องการความช่วยเหลือ ท่านไม่ไปดูที่เกิดเหตุ แต่กลับมากล่าวโทษท่านราชครูที่อยู่ห่างไกลถึงภูมิภาคตะวันตกโน่น ถ้าวันนี้ฝนไม่ตก ทั้งเมืองหลวงคงถูกไหม้ไปหมดแน่ !”
องค์จักรพรรดิทรงตบโต๊ะ "ท่านทำหน้าที่ตัวแทนอัครเสนาบดีอย่างนี้หรือ ?"
ความไม่พอใจขององค์จักรพรรดิชัดเจนมาก จางจิ่นจะโง่แค่ไหนก็ฟังออก เขาคุกเข่า “ตุบ” ลงและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ! หากลูกมือของเซียวเฉวียนไม่กระทำการโดยประมาทไฟจะเกิดได้อย่างไร ! ข้าน้อยก็คิดถึงความปลอดภัยของฝ่าบาท คิดเพื่อประชาชน จึงต้องจับคนร้ายตัวจริงให้ได้ !"
จางจิ่นกระทำอย่างเร่งรีบ ไม่รู้เลยว่าไฟนั้นเกิดเพราะนักปราชญ์
แม้แต่เว่ยเชียนชิวก็รู้ดีว่า ไฟครั้งนี้แปลก ไม่ใช่ธรรมดา
แต่ว่าในต้าเว่ยท่านย่าตระกูลเซียวไม่เพียงแต่สามารถรักษาโรคและทำนายทายทัก ท่านยังสามารถเรียกลมฝนได้ และที่สำคัญกว่านั้น ท่านสามารถโปรดดวงวิญญาณได้
คล้ายกับธรรมาจารย์ในยุคปัจจุบัน ส่งวิญญาณไปเกิดใหม่
แต่ในต้าเว่ย การส่งวิญญาณไปเกิดใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีอยู่ของแก่นเลือดระหว่างคิ้วและความพิเศษของมัน การเจือจางแก่นเลือดระหว่างคิ้วจึงกลายเป็นงานทักษะ
หากไม่มีทักษะการโปรดวิญญาณของท่านย่าตระกูลเซียว แก่นเลือดระหว่างคิ้วที่ไม่สามารถเจือจางด้วยน้ำไหลจะต้องคงอยู่ด้วยความเจ็บปวดตลอดไปและตายซ้ำแล้วซ้ำอีก
ฉะนั้นท่านย่าตระกูลเซียวจึงเท่ากับกุมความเป็นความตายของแก่นเลือดระหว่างคิ้ว ตอนท่านย่าตระกูลเซียวยังสาว ท่านก็มีฉายาว่า "ยมทูตหญิงตระกูลเซียว”
ฝนตกหนักในเมืองหลวงครั้งนี้ เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างท่านย่าตระกูลเซียวและเซียนชิวน้อย
ถ้าไม่มีการนำทางของท่านย่าตระกูลเซียวและเซียนชิวน้อย แก่นเลือดระหว่างคิ้วที่ไม่มีสติวิญญาณ จะไปยังสถานที่ไฟลุกโหมไม่ถูก
ในเมื่อกองทัพตระกูลเซียวกลับมาแล้ว องค์จักรพรรดิจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้
ต้องจัดการให้พวกเขาได้ลงดินไปสู่สุคติ
ลูกตาจางจิ่นสะดุ้งเฮือก หากมีการบูชายัญที่หอฟ้าเทียนฐาน ข่าวลือก็เป็นเรื่องจริงล่ะสิ ?
นั่นไม่ใช่จะให้ยืนยันข่าวลือถูกต้อง ยืนยันว่ากองทัพตระกูลเซียวยังไม่ได้ไปสู่สุคติมาหลายปีหรือ ถูกคนชั่วช้าที่อยู่ในข่าวลือสังหารจริงๆ หรือ ?
และคนชั่วช้าคนนี้ก็คือเว่ยเชียนชิว
องค์จักรพรรดิจะเก็บท่านเจียนกั๋วแล้วหรือ ?
จางจิ่นอยากจะร้องไห้ เขายังไม่ได้เป็นอัครเสนาบดี เขายังหวังพึ่งให้เว่ยเชียนชิวมาผลักดันเขาอยู่เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...