หลังจากที่มู่จิ่นพูดแบบนี้ เซียวเฉวียนก็คิดทบทวนอย่างละเอียด เซียวเฉวียนมาต้าเว่ยจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะเรียกได้ว่าเหยียบย่ำซากศพของเหล่าวายร้ายมามากมาย แต่คนที่ตายจริง ๆ ภายใต้มือของเซียวเฉวียนนั้นไม่มีเลย ล้วนแล้วแต่เป็นมือของคนอื่นหรือถูกเซียวเฉวียนสั่งให้ราชองครักษ์ไปฆ่า
เช่นซือชือ ถูกเซียวเฉวียนยืมมือของอู๋ชือไปกำจัด
และเช่นเมื่อตอนที่เหมิงเอ้าบุกรุกจวนเจียนกั๋ว เซียวเฉวียนฆ่าเฮยหลังเพื่อช่วยเหมิงเอ้า อันที่จริงคือเซียวเฉวียนสั่งให้ไป๋ฉี่ส่งมือสังหารไป
แม้แต่ตอนที่หยางซูหลงทาง หมกมุ่นอยู่กับความผิดพลาดหาเรื่องเซียวเฉวียน ต้องการฆ่าเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนทนไม่ไหวจึงต้องการฆ่าหยางซู แต่เพราะหยางซูเป็นปัญญาชน เซียวเฉวียนถูกขัดขวางด้วยจิตแห่งอักษรจึงฆ่าหยางซูไม่สำเร็จ
แม้ว่าหยางซูสุดท้ายจะตาย แต่นั่นก็เป็นเพราะหยางซูตัวเองตื่นขึ้นมา เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตัวเองไม่มีหน้าอยู่ในโลกนี้ จึงฆ่าตัวตายเอง ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ตายด้วยมือของเซียวเฉวียน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เซียวเฉวียนก็ไม่อาจเห็นด้วยกับความคิดของมู่จิ่นได้ อาจเป็นเพราะฟ้ากำหนดไว้ ไม่ต้องการให้คนจากฮว๋าเซี่ยเข้ามาแทรกแซงเรื่องต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เปลี่ยนโชคชะตาโดยรวมของคนในช่วงเวลานี้เช่นกัน
“นี่สามารถพูดได้ว่า ข้ามาต้าเว่ยแล้วเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็เป็นฟ้ากำหนดไว้เช่นกันใช่หรือไม่?”
เซียวเฉวียนมองมู่จิ่นด้วยความสงสัย
มู่จิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า “ก็พูดได้เหมือนกัน”
แม้แต่จะพูดได้ว่า เซียวเฉวียนมาที่ต้าเว่ยก็เป็นฟ้ากำหนด
เดิมทีมู่จิ่นเติบโตขึ้นมาจากสำนักหมิงเซียน สำนักหมิงเซียนอ้างว่าเป็นตัวแทนของฟ้า เนื่องจากกล่าวอ้างว่า แสดงว่าสำนักหมิงเซียนศึกษาเกี่ยวกับหนทาง ดังนั้น ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มู่จิ่นที่ฉลาดอยู่แล้ว ก็ย่อมเข้าใจหนทางได้เกือบจะสมบูรณ์
มู่จิ่นทะลุมิติมายังต้าเว่ย สืบทอดผลการศึกษาของเจ้าของร่างเดิม และในเวลาว่าง ฒุ่จิ่นได้หลอมรวมความรู้ที่เขาเรียนรู้จากฮว๋าเซี่ยจึงทำให้เขาเข้าใจหนทางได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
มู่จิ่นเชื่อว่า เขาและเซียวเฉวียน อีกทั้งเว่ยอวี๋กับเว่ยเป้ยที่ต้าเว่ย ล้วนมายังห้วงเวลานี้ตามฟ้ากำหนด
ห้วงเวลาที่ทำสำเร็จ ก็เป็นฟ้ากำหนด เป็นเพราะสวรรค์อนุญาตหรือชี้นำให้พวกเขาทำเช่นนั้น ฟ้ากำหนดให้เกิดเหตุการณ์ ย่อมเป็นไปตามแนวโน้มโดยรวมของห้วงเวลานี้
ยกตัวอย่างเช่น ก่อนที่เซียวทะลุมิติมาต้าเว่ยอำนาจตกต่ำ เว่ยเชียนชิวยิ่งใหญ่เพียงฝ่ายเดียว เกือบถึงขั้นที่ขุนนางในราชสำนักต่างก็เชื่อฟังเว่ยเชียนชิวเป็นอันดับแรก ขุนนางที่บริสุทธิ์เพียงไม่กี่คน หรือไม่ก็ถูกเว่ยเชียนชิวสังหาร หรือถูกเว่ยเชียนชิวกดขี่จนหายใจไม่ทั่วท้อง
แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องเกรงกลัวหน้าเว่ยเชียนชิว ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เว่ยเชียนชิวบอกฮ่องเต้ไปทางทิศตะวันออก ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางกล้าไปทิศตะวันตก
ด้วยเหตุนี้ เว่ยเชียนชิวจึงยิ่งดูถูกคนมากขึ้น ไม่เคยเข้าเฝ้า ตลอดทั้งวัน หรือไม่ก็อยู่ในจวนเจียนกั๋วเพื่อหาความสุข หรือมอบหมายงานให้มือคนรับใช้ทำ ล้วนทำแต่เรื่องที่ทำร้ายฟ้าทำร้ายดิน
เขาเชื่อว่า ต้าเว่ยก่อนเซียวเฉวียนทะลุมิติมา อยู่ในภาวะที่อำนาจตกต่ำ เว่ยเชียนชิวยิ่งใหญ่เพียงฝ่ายเดียว ผู้คนต่างก็อยู่อย่างยากลำบาก
ในสภาพแบบนี้ ประชาชนก็อยู่ไม่ได้จริง ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องมองหน้าเว่ยเชียนชิว ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประชาชนไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนี้ และประชาชนก็ไม่มีที่จะโวยวายเมื่อพวกเขาต้องทนทุกข์!
นอกจากนี้ต้าเว่ยยังเผชิญกับความวุ่นวายภายในและภัยคุกคามจากภายนอก หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป ต้าเว่ยจะใกล้ล่มสลาย
และต้นตอของทั้งหมดนี้คือเว่ยเชียนชิว!
ในช่วงเวลาที่ต้าเว่ยกำลังตกต่ำ จำเป็นต้องมีคนออกมาช่วยเหลือฮ่องเต้โค่นล้มเว่ยเชียนชิว และช่วยประชาชนชาวต้าเว่ยให้พ้นจากความทุกข์ยาก
ที่จริงแล้ว แม้ว่าโย่วควนจะรู้ว่ามู่เวยมีใจให้เขา แม้ว่าโย่วควนจะชอบมู่เวยอยู่บ้าง แต่โย่วควนก็ไม่กล้าที่จะรับรักมู่เวย
โย่วควนเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่เขาก็เป็นคนเก็บตัว ไม่กล้าที่จะแสดงออก
ความต่ำต้อยของโย่วควนฝังรากลึกอยู่ในกระดูกของเขา โยวควนจะคิดว่าตัวเองเป็นเพียงนักแสดงที่ไร้ค่า ไม่คู่ควรกับมู่เวย
ความคิดนี้ฝังแน่นอยู่ในใจของโย่วควน วันใดที่โย่วควนไม่เอาชนะปีศาจตัวนี้ได้ โย่วควนและมู่เวยก็ไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้
อย่างไรก็ตาม มู่จิ่นเป็นคนช้า ๆ ไม่รีบร้อน ชอบมู่เวยแต่ก็ไม่บอกความในใจ มู่เวยไม่โดนโย่วควนแย่งไป ก็จะโดนคนอื่นแย่งไป
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้ามู่จิ่นไม่แสดงความรัก มู่เวยจะคิดว่ามู่จิ่นดีกับนางในฐานะพี่ชายและน้องสาวเท่านั้น จะไม่มีทางคิดในแง่ของความรักระหว่างชายหญิง
สองพี่น้องนี้ มู่จิ่นเป็นคนเก็บตัวช้า ๆ มู่เวยเป็นคนซื่อ ๆ ถ้ามู่จิ่นรอให้มู่เว่ยค้นพบความรักของเขาเอง มู่จิ่นอาจจะต้องรอจนหัวหงอก มู่เวยก็อาจจะยังไม่รู้ตัว
คิดถึงเช่นนั้น เซียวเฉวียนจึงคิดว่าควรให้มู่จิ่นรู้สึกถึงภัยคุกคามบ้าง
“มู่จิ่น ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าจะหลงรักโย่วควนไหม?” เซียวเฉวียนกะพริบตาถามมู่จิ่นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจราวกับว่าตัวเองเป็นคนที่มีใบหน้างดงาม
มู่จิ่นขมวดคิ้ว พยักหน้าแสดงว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิง เขาจะหลงรักโย่วควนเป็นแน่
พูดตามตรงแล้ว โย่วควนหน้าตาดีจริงๆ ถ้าโย่วควนอาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันของฮว๋าเซี่ย ด้วยหน้าตาและความสามารถของเขา ในฐานะดารา จะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...